สถานการณ์ความรุนแรงในต่างประเทศ และการหรุดหนักของตลาดหุ้นเอเชีย ช่วยผลักดันราคาทองคำปรับตัวเพิ่ม “วาย แอล จี” แนะติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หากภาคการผลิตไม่เติบโตจะส่งสัญญาณอัตราเงินเฟ้อยังไม่น่าพอใจ กดดันให้เฟดไม่กล้าประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก หนุนทองคำมีโอกาสทดสอบ 1,120-1,135 เหรียญ/ออนซ์
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า จากสถานการณ์ความรุนแรงในที่ต่างๆ ของโลกเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำกลับมาอยู่ในทิศทางบวก เช่น ความรุนแรงในตะวันออกกลาง และปัญหาทางด้านคาบสมุทรเกาหลีที่มีความตึงเครียด ขณะเดียวกัน ความผันผวนของราคาน้ำมันได้กดดันหุ้นพลังงาน รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของจีน สิ่งเหล่านี้ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างชัดเจน และราคาคงตัวอยู่ในระดับสูง
ทำให้สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาต่อจากนี้ คือ ตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งจีน และสหรัฐฯ ว่าจะมีความผันผวนผิดจากคาดการณ์บ้างหรือไม่ เพราะล่าสุดตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ชะลอตัวลง โดยเร็วๆ นี้จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการในการว่างงานประจำวันพฤหัสบดีและดัชนีผู้ผลิต (PPI) ถือเป็นตัวเลขที่สะท้อนให้เห็นเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐฯ ได้เป็นอย่างดี เพราะหากเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ การถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นไปได้ยาก
“แนวโน้มเศรษฐกิจในฝั่งสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่จะมีผลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในฝั่งสหรัฐฯ โดยหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังไม่้สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ เชื่อว่าจะเพิ่มโอกาสให้ราคาทองคำขยับตัวขึ้นได้ต่อ เพราะนักลงทุนจะคลายความวิตกกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะกล้าเข้าซื้อทองคำมากขึ้นเมื่อราคาอ่อนตัวลง”
ส่วนการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียถือเป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนจับตา เพราะอย่างไรแล้วก็ตาม หากตลาดเริ่มมีการฟื้นตัวอาจส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรในทองคำออกมาได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น กลยุทธ์ในการลงทุน นักลงทุนยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง และจับตาดูแรงขายทำกำไรที่เกิดขึ้น โดยหากราคาทองคำปรับตัวลดลงมาไม่ต่ำกว่า 1,080 เหรียญ/ออนซ์ ประเมินว่าแนวโน้มทิศทางราคาทองคำยังเป็นบวก โดยนักลงทุนอาจมีการเข้าซื้อทองคำเพิ่มบางส่วนในบริเวณแนวรับดังกล่าว แต่หากหลุด 1,080 เหรียญ/ออนซ์ อาจต้องตัดขาดทุนาบางส่วนเพื่อไปรอซื้อบริเวณ 1,050 เหรียญ/ออนซ์ และหากราคายังเป็นขาขึ้นเชื่อว่าราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,120-1,135 เหรียญ/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาทองคำมีการขยับขึ้นได้ต่อนักลงทุนที่ถือครองทองคำเอาไว้อาจมีการแบ่งขายทองคำเพื่อทำกำไร เพราะการขยับขึ้นของราคาอาจมีแรงขายที่มากขึ้นตามไปด้วย