กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส โอนหุ้นให้บุตร 19.8% วันที่ 8 ม.ค.นี้ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ แจงการโอนหุ้นดังกล่าวเพื่อเป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้กลุ่มสมาชิกในครอบครัว ยันไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อการควบคุมในบริษัท และไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการบริหาร และการดำเนินงาน
นายศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR แจ้งว่า ในวันที่ 8 ม.ค.59 นี้ นายไพฑูรย์ จันทรเสรีกุล และนางวิภาพร จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จะทำรายการโอนหุ้นของบริษัทให้แก่บุตร รวม 49,487,600 หุ้น คิดเป็น 19.8% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การโอนหุ้นครั้งนี้จะทำให้ นายไพฑูรย์ ลดการถือหุ้นเหลือ 10 ล้านหุ้น จากเดิม 50 ล้านหุ้น และนางวิภาพร ลดถือหุ้นเหลือ 40,512,400 หุ้น จากเดิม 50 ล้านหุ้น ขณะที่นายพิเทพ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 34 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 24 ล้านหุ้น และนายพิชิต จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 34 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 24 ล้านหุ้น
นอกจากนี้ นายพิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะรับโอนหุ้นเพิ่มเป็น 25 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 20 ล้านหุ้น น.ส.พิมลฑา จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร รับโอนหุ้นเพิ่มเป็น 20 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 15,512,400 หุ้น และ น.ส.พิมลพรรณ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะรับโอนหุ้นเป็น 20 ล้านหุ้น จากเดิมที่ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทเลย
ทั้งนี้ การโอนหุ้นดังกล่าวเพื่อเป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้กลุ่มสมาชิกในครอบครัว ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อการควบคุมในบริษัท และไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการบริหาร และการดำเนินงานของบริษัท
นายศักดิธัช จันทรเสรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) หรือ KCAR แจ้งว่า ในวันที่ 8 ม.ค.59 นี้ นายไพฑูรย์ จันทรเสรีกุล และนางวิภาพร จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท จะทำรายการโอนหุ้นของบริษัทให้แก่บุตร รวม 49,487,600 หุ้น คิดเป็น 19.8% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การโอนหุ้นครั้งนี้จะทำให้ นายไพฑูรย์ ลดการถือหุ้นเหลือ 10 ล้านหุ้น จากเดิม 50 ล้านหุ้น และนางวิภาพร ลดถือหุ้นเหลือ 40,512,400 หุ้น จากเดิม 50 ล้านหุ้น ขณะที่นายพิเทพ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 34 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 24 ล้านหุ้น และนายพิชิต จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะถือหุ้นเพิ่มเป็น 34 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 24 ล้านหุ้น
นอกจากนี้ นายพิสิทธิ์ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะรับโอนหุ้นเพิ่มเป็น 25 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 20 ล้านหุ้น น.ส.พิมลฑา จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร รับโอนหุ้นเพิ่มเป็น 20 ล้านหุ้น จากเดิมที่ 15,512,400 หุ้น และ น.ส.พิมลพรรณ จันทรเสรีกุล ซึ่งเป็นบุตร จะรับโอนหุ้นเป็น 20 ล้านหุ้น จากเดิมที่ไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทเลย
ทั้งนี้ การโอนหุ้นดังกล่าวเพื่อเป็นการบริหารจัดการสินทรัพย์ให้กลุ่มสมาชิกในครอบครัว ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่อการควบคุมในบริษัท และไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการบริหาร และการดำเนินงานของบริษัท