ราคาทองคำในปี 2015 ปิดที่บริเวณใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี ซึ่งการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อราคาทองคำ ซึ่งแม้ว่าราคาทองคำในปีนี้จะเผชิญต่อการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ตาม แต่ก็มีปัจจัยอื่นๆ เช่นกันที่น่าจะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ทาง YLG จึงได้สรุปประเด็นต่างๆที่อาจส่งผลต่อราคาทองคำในปีนี้ ดังนี้
ครึ่งปีแรกของปี 2016 : ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลดลงด้วยเหตุผลต่อไปนี้
คณะกรรมการนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีการดำเนินนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้นในปี 2016 ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
การปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโลหะ และการปรับตัวลงของราคาน้ำมันเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกดดันราคาทองคำ
ปัจจัยทางเทคนิคของราคาทองบ่งบอกว่า ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลงไปยังเป้าหมายที่ระดับ 900 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ครึ่งปีหลังของปี 2016 : ราคาทองคำจะมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วจากการตอบสนองต่อปัจจัยดังต่อไปนี้
การแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์ที่มากเกินไปจะส่งผลกระทบให้เกิดภาวะเงินเฟ้อลบ หรือ disinflationary effects (คือ สภาวะที่อัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องแต่ยังอยู่ในแดนบวก) ซึ่งส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่งผลให้เฟดอาจจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินใหม่ โดยอาจจะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงแค่ช่วง 2 ไตรมาสแรกก่อนกลางปี 2016 และในบางทีอาจจะมีการใช้ QE4 ในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ฟื้นตัว
คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจในยูโรโซนจะมีการฟื้นตัวจากการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน (QE) ของธนาคารกลางยุโรป ทำให้เศรษฐกิจเติบโตซึ่งส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อ ด้วยเหตุนี้เองจะส่งผลให้ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์แข็งค่า และผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นใกล้ระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในปีหน้านี้
แรงซื้อจากธนาคารกลางโดยเฉพาะจากตลาดเกิดใหม่ที่คาดว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องในปี 2016
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น การเก็งกำไรจากการลดต่ำลงของราคาทองคำ ความต้องการทองคำที่เพิ่มมากขึ้นในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในตลาดการเงิน และการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินและการคลังในจีน และญี่ปุ่น ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำเกิดการฟื้นตัว
ด้วยเหตุนี้เองในปีนี้ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวไปใน 2 ทิศทาง
โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2016 สถานการณ์ราคาทองคำจะถูกปกคลุมไปด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ ขณะที่ในครึ่งปีหลังของปี 2016 ราคาทองคำอาจจะมีโอกาสฟื้นตัวจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงต้องติดตามสถานการณ์อื่นๆ อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลาง และสภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งส่งผลต่อทิศทางราคาทองคำเช่นกัน เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านสามารถปรับกลยุทธ์ได้อย่างทันทวงที และสามารถรับมือต่อความผันผวนของราคาทองคำได้
