xs
xsm
sm
md
lg

IVL เตรียมซื้อกิจการเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของ BP ในสหรัฐฯ คาดแล้วเสร็จช่วงครึ่งแรกปี 59

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


IVL เตรียมซื้อกิจการเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของ BP ในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทได้ลงนามสัญญาการซื้อทรัพย์สินไปแล้วเมื่อวานนี้ และคาดว่าการเข้าซื้อทรัพย์สินดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 59

บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ระบุว่า บริษัทจะเข้าซื้อทรัพย์สินในอัตรา 100% ของธุรกิจเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษของ BP Amoco Chemical Company (BP) ที่เมือง Decatur รัฐ Alabama ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัทได้ลงนามสัญญาการซื้อทรัพย์สินกับผู้ขายเมื่อวานนี้ และคาดว่าการเข้าซื้อทรัพย์สินดังกล่าวจะแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 59 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการอนุมัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

สำหรับโรงงานผลิตแบบครบวงจรของ BP ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับโรงงาน AlphaPet, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ IVL ที่ผลิต PET ซึ่งโรงงาน BP มีกำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 1.8 ล้านตัน/ปี โดยมีกำลังการผลิตพาราไซลีน (PX) จำนวน 7.2 แสนตัน/ปี PTA จำนวน 1.02 ล้านตัน/ปีและ NDC (Naphthalene Dicarboxylate) ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษที่ใช้ในการผลิตโพลิเมอร์เฉพาะทาง และฟิล์มสำหรับการใช้งาน เช่น หน้าจอโทรศัพท์สมาร์ทโฟน เป็นต้น

โดยการเข้าซื้อทรัพย์สินดังกล่าวทำให้ธุรกิจของ IVL ในแถบอเมริกาเหนือ มุ่งสู่การรวมธุรกิจในแนวดิ่งอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวทางเศรษฐกิจโดยการขยายกำลังการผลิต PET และยังเป็นการเพิ่มอัตรากำไรในธุรกิจ NDC ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตรายเดียวในระดับสากล

ด้าน นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทได้ดำเนินการตามแผนที่ได้ประกาศไว้ในงานประชุมนักลงทุน และนักวิเคราะห์ทางการเงินซึ่งได้ย้ำเน้นอีกครั้งในการประชุมเพื่อทบทวนยุทธ์ศาสตร์เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา ในเดือนก.ค.58 ที่จะบรรลุเป้าอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margins) เป็นตัวเลขสองหลัก และ Core EBITDA เติบโตเป็นสองเท่าในปี 61 จากปี 57 ซึ่งมี EBITDA อยู่ที่ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะเดียวกัน บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิ/หุ้น ของธุรกิจหลัก(Core EPS) เป็น 4 เท่า ภายในปี 61 จากปี 57 โดยการเข้าซื้อกิจการต่างๆ จะเป็นตัวเร่งการปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องในบริษัท เพื่อก่อให้เกิดการเติบโต และความข็งแกร่งในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจ PET ธุรกิจต้นน้ำ (Feedstock) และธุรกิจผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) ซึ่งจะยังผลให้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจมีการเชื่อมโยง และเกื้อหนุนซึ่งกันและกันเพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น และลูกค้าของบริษัท

“ปี 2558 นับเป็นปีที่เป็นโอกาสพิเศษในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น การเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นทั้ง 8 แห่ง จะช่วยสร้างให้ IVL เป็นผู้นำระดับโลก และช่วยให้เกิดความได้เปรียบด้านต้นทุน ทั้งยังเสริมความแข็งแกร่ง และครองความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของทุกธุรกิจที่สำคัญของเรา” นายโลเฮีย กล่าว

โดยการเข้าซื้อกิจการที่เกิดขึ้นนับเป็นการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดด เพื่อสร้างการเติบโตของกำไรอย่างมั่นคง ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดยมีเป้าหมายระยะสั้นในการสร้างมูลค่าอย่างมีนัยให้แก่ธุรกิจผ่านการลดต้นทุนการดำเนินงาน ในระยะกลาง และคาดว่าจะมีการเติบโตของกำไรที่เพิ่มขึ้น อันเป็นผลจากปัจจัยภายในมากกว่าแรงผลักดันจากภายนอก และในระยะยาวยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น และลูกค้า รวมทั้งสร้างโอกาสสำหรับพนักงาน เนื่องจากบริษัทจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในด้านต้นทุนในทุกธุรกิจหลัก และมีการดำเนินงานในตลาดที่น่าสนใจ รวมถึงอยู่ในทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่มีทั้งปัจจัยประชากรในท้องถิ่น และแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นตัวขับเคลื่อนปริมาณความต้องการ

สำหรับการเข้าซื้อกิจการทั้ง 8 แห่งก่อนหน้านี้ และรวมถึงการจะซื้อกิจการของ BP ในครั้งนี้ ประกอบด้วย บริษัท BP ในรัฐ Alabama ประเทสสหรัฐอเมริกา เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียง และพึ่งตนองได้ และสร้างการเติบโตในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA บริษัท MicroPet ประเทศอินเดีย เพื่อเข้าสู่ธุรกิจหลักในตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนประชากรมากที่สุด

บริษัท CEPSA ประเทศสเปน เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียง และพึ่งตนเองได้ ขยายธุรกิจ PET ให้ครอบคลุมทวีปยุโรปมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเข้าสู่ธุรกิจ IPA เป็นครั้งแรกและผลักดันให้เกิดความแข็งแกร่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA โรงงานเอทิลีนแครกเกอร์ ในรัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียงและพึ่งตนเองได้ และใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากก๊าซธรรมชาติจากชั้นหินดินดาน บริษัท CEPSA ประเทศแคนาดา เพื่อการบริหารจัดการวัตถุดิบให้มีใช้อย่างพอเพียง และพึ่งตนเองได้ในทวีปอเมริกาเหนือ

บริษัท บางกอกโพลีเอสเตอร์ ประเทศไทย เพื่อให้เกิดการควบรวมธุรกิจ PET และเอื้อให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจากการบริโภค PTA ภายใน บริษัท Performance Fiber ในประเทศจีน ถือครองแบรนด์เส้นใยโพลีเอสเตอร์สำหรับยางในรถยนต์ที่มีชื่อเสียงยาวนานในตลาดที่มีตัวเลขการเติบโตของรถยนต์สูงสุด และเอื้อให้การจัดการห่วงโซ่อุปทานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพจากการบริโภค PETภายใน บริษัท Polyplex PET ประเทศตุรกี ส่งผลให้เกิดการบูรณาการในธุรกิจ PET ซึ่งเป็นธุรกิจหลักในตลาดเกิดใหม่ และขยายการดำเนินงานให้ครอบคลุมทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกามากยิ่งขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น