บล.ธนชาต วิเคราะห์หุ้น “K” กำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยปีละ 25% ภายในปี 59-61 หลังเพิ่มโรงงานผลิต ขยายงานแบ่งแชร์ตลาดรวม แนะ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปีนี้ 7.10 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ธุรกิจ และทิศทางการเติบโตของบริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) หรือ K หุ้นน้องใหม่ ผู้นำธุรกิจออกแบบ และตกแต่งอย่างครบวงจร (One-Stop-Shop Solution) โดยคาดว่า K จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยที่ 25% ต่อปีในช่วงปี 2559-2561 และมีอัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่สูงถึง 17-19% ในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มีคุณภาพ และโอกาสในการเติบโตจากอุตสาหกรรม และการกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2559 ด้วยวิธี DCF (Wacc 12%) ที่ 7.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น P/E ที่ 18x
โดยที่การเติบโตของ K ในช่วงปี 2559-2561 จะมาจากทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับออกแบบ และตกแต่งภายใน ที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% จากทั้งพื้นที่ศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 2 ล้านตารางเมตร จากในไตรมาสแรกปีนี้ที่อยู่ที่ 7 ล้านตารางเมตร เป็นกว่า 9 ล้านตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นกว่า 29% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ด้านธุรกิจแสดงสินค้า และนิทรรศการ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 21% จากการรับงาน และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ K มาจาก 1.ธุรกิจงานตกแต่งภายใน (Interiors) โดยเน้นกลุ่มลูกค้าบริษัทที่เป็นร้านค้าปลีกระดับกลางถึงบน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดที่ประมาณ 50% และเป็นหัวใจหลักในการเติบโต 2.ธุรกิจงานแสดงสินค้า และนิทรรศการ (Exhibitions) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 40% 3.ธุรกิจการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 9-10% และ 4.ธุรกิจงานพิพิธภัณฑ์ และสวนสนุก (Museums & Thematic Park) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1%
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์ธุรกิจ และทิศทางการเติบโตของบริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) หรือ K หุ้นน้องใหม่ ผู้นำธุรกิจออกแบบ และตกแต่งอย่างครบวงจร (One-Stop-Shop Solution) โดยคาดว่า K จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ยที่ 25% ต่อปีในช่วงปี 2559-2561 และมีอัตราผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ROE ที่สูงถึง 17-19% ในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยพื้นฐานธุรกิจที่มีคุณภาพ และโอกาสในการเติบโตจากอุตสาหกรรม และการกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เราแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2559 ด้วยวิธี DCF (Wacc 12%) ที่ 7.10 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็น P/E ที่ 18x
โดยที่การเติบโตของ K ในช่วงปี 2559-2561 จะมาจากทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจรับออกแบบ และตกแต่งภายใน ที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 18% จากทั้งพื้นที่ศูนย์การค้าที่เพิ่มขึ้นมาอีกกว่า 2 ล้านตารางเมตร จากในไตรมาสแรกปีนี้ที่อยู่ที่ 7 ล้านตารางเมตร เป็นกว่า 9 ล้านตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นกว่า 29% ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ด้านธุรกิจแสดงสินค้า และนิทรรศการ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตเฉลี่ยปีละ 21% จากการรับงาน และส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ของ K มาจาก 1.ธุรกิจงานตกแต่งภายใน (Interiors) โดยเน้นกลุ่มลูกค้าบริษัทที่เป็นร้านค้าปลีกระดับกลางถึงบน ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มากที่สุดที่ประมาณ 50% และเป็นหัวใจหลักในการเติบโต 2.ธุรกิจงานแสดงสินค้า และนิทรรศการ (Exhibitions) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 40% 3.ธุรกิจการตลาดทางเลือก (Alternative Marketing) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 9-10% และ 4.ธุรกิจงานพิพิธภัณฑ์ และสวนสนุก (Museums & Thematic Park) ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1%
