โบรกฯ เผยหุ้นไทยปิดพุ่งแรงกว่า 24 จุด เป็นการชดเชยในช่วงที่ได้หยุดไป 2 วันที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นต่างประเทศดีดตัวตอบรับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศดีขึ้น อิรัก มีพัฒนาการที่ดีจากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขึ้นมาเคลียร์ปัญหาความขัดแย้ง ส่วนทางยูเครน ก็กังวลน้อยลง เนื่องจากรัสเซียลดความแข็งกร้าว ทำให้ตลาดทั่วโลกกลับมาฟื้น ส่วนในประเทศ จะมีการพิจารณางบฯ ปี 58 และกำลังจะมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม. ทำให้ตลาดฯ สามารถปรับตัวขึ้นมาได้เร็ว ขณะที่เม็ดเงินเริ่มไหลกลับ และทริกเกอร์ฟันด์เริ่มเข้าซื้อ
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ สามารถปรับตัวขึ้นแรงกว่า 24 จุด มองว่าเป็นการชดเชยในช่วงที่ได้หยุดไป 2 วันที่ผ่านมา ที่ตลาดหุ้นต่างประเทศดีดตัวตอบรับสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศดีขึ้น หลังอิรักมีพัฒนาการที่ดี จากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ขึ้นมาเคลียร์ปัญหาความขัดแย้ง ส่วนทางยูเครน ก็กังวลน้อยลงเนื่องจากรัสเซียลดความแข็งกร้าว ทำให้ตลาดทั่วโลกกลับมาฟื้น
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียตอนนี้ก็อยู่ในแดนบวกเกือบหมด แต่ตลาดบ้านเราดูดีกว่า เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่ต่างอยู่ในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่
นอกจากนี้ บ้านเราจะมีการพิจารณางบประมาณปี 2558 และกำลังจะมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถปรับตัวขึ้นมาได้เร็ว
ทั้งนี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นร้อนแรงตลอดวัน ปิดที่ระดับ 1,544.55 จุด เพิ่มขึ้น 24.24 จุด หรือร้อยละ 1.59 มูลค่าการซื้อขาย 56,150.71 ล้านบาท ดัชนีสูงสุดที่ 1,546.32 จุด ต่ำสุดที่ 1,529.72 จุด ตลาดเอ็มเอไอ ปิดที่ 604.41 จุด เพิ่มขึ้น 5.01จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,879.23 ล้านบาท
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) นายศราวุธ กล่าวว่า ตลาดฯ มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้ในกรอบแคบ พร้อมให้แนวรับ 1,535 จุด ส่วนแนวต้าน 1,548-1,550 จุด
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ธนชาต มองว่า ตลาดปรับสูงขึ้นด้วยปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองมีทิศทางบวกมากขึ้น ทั้งแนวทางการตั้งรัฐบาล ยกเลิกกฎอัยการศึก และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 2558 หนุนเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนขยายตัวในอัตราเร่งเพิ่มขึ้นในปี 2558 รวมไปถึงคาดการณ์กระแสเงินทุนไหลกลับเข้าประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากทริกเกอร์ ฟันด์ หลังได้เสนอขายในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คาดเงินทุนไหลเข้าตั้งแต่สัปดาห์นี้ไปจนถึงปลายเดือน ส.ค.57 รวมทั้งหลังประกาศกำไรไตรมาส 2/57 คาดนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในอีก 12 เดือนข้างหน้า
ด้านสัดส่วนนักลงทุน นักลงทุนสถาบัน ซื้อสุทธิ 2,614.31 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 634.62ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 3,684.79 ล้านบาท นักลงทุนภายในประเทศ ขายสุทธิ 6,933.72 ล้านบาท