ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ (25 ก.ค.) ปิดที่ระดับ 1,543.85 จุด ปรับตัวลดลง -0.07 จุด หรือ -0.00 % มูลค่าการซื้อขาย 53,139.47 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,548.16 จุด และลดลงต่ำสุดที่ 1,538.33 จุด ภาพรวมดัชนีหลักทรัพย์แกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ก่อนปรับตัวปิดตลาดในแนวลบ
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น จำนวน 357 หลักทรัพย์ ลดลง 199 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 442 หลักทรัพย์
ทั้งนี้ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับหลักทรัพย์ คือ
CK ปิดที่ 26.00 บาท เพิ่มขึ้น +1.60 บาท หรือ +6.56% มูลค่าการซื้อขาย 3,500,092 ล้านบาท
BGH ปิดที่ 17.40 บาท เพิ่มขึ้น +0.70 บาท หรือ +4.19% มูลค่าการซื้อขาย 2,911,184 ล้านบาท
SAWAD ปิดที่ 22.00 บาท เพิ่มขึ้น +0.40 บาท หรือ +1.85% มูลค่าการซื้อขาย 2,260,740 ล้านบาท
ADVANC ปิดที่ 205.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -0.97% มูลค่าการซื้อขาย 2,016,567 ล้านบาท
CKP ปิดที่ 17.70 บาท ลดลง -0.10 บาท หรือ -0.56% มูลค่าการซื้อขาย 1,749,766 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมดัชนีหุ้นไทยวันนี้ว่า ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนต่างรอปัจจัยใหม่เข้ามาหนุนการปรับตัวขึ้น ดังนั้น แรงซื้อส่วนใหญ่จึงยังคงมาจากนักลงทุนต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ความเคลื่อนไหวสัปดาห์หน้าว่า ดัชนีมีแนวโน้มแกว่งออกข้าง (Sideways) จากแรงเก็งกำไรระยะสั้นในข่าวประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ของหุ้นนอกกลุ่มสถาบันการเงินจะช่วยหล่อเลี้ยงบรรยากาศการเก็งกำไรของตลาดต่อไปในระยะสั้น แนวรับ 1,535-1,540 จุด แนวต้าน 1,550-1,555 จุด โดยกำหนดจุด Stop Loss ที่แน่นอนไว้ เพื่อรอความคืบหน้าทางการเมืองเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นรายชื่อบุคคลที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูป ปท. ซึ่งจะเป็นกระบวนการสำคัญในการได้มาซึ่งนายกฯ ครม. และ รธน.ฉบับถาวรในอนาคต
ขณะที่ นายอดิศักดิ์ ผู้พิพัฒน์หิรัญกุล นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ธนชาต สรุปภาพความเคลื่อนไหวดัชนีหุ้นไทยวันนี้ SET เคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดช่วงเช้า โดยแรงขายหุ้นกลุ่มสื่อสารอย่าง ADVANC, INTUCH รวมถึง AOT, BBL กดดันตลาด ขณะที่แรงซื้อส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบ Selective เลือกซื้อรายตัว พร้อมคาดการณ์ความเคลื่นอไหวดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์หน้า ตลาดยังมีโอกาสปรับตัวชึ้นทดสอบแนวต้าน 1,570 จุด จากสถานการณ์การเมืองที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลใน 2 เดือนข้างหน้า และเลือกตั้งในอีก 15 เดือนข้างหน้า โดยแนะนำซื้อหุ้นที่ได้รับผลดีจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง และหุ้นที่คาดการณ์ผลกำไรไตรมาส 2 ออกมาดี และหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Digital TV
