บอร์ด “เอสซีไอ อีเลคตริค” ไฟเขียวลงทุนสร้างโรงานผลิตเสาส่งไฟฟ้า-สื่อสารในพม่า มูลค่ากว่า 576 ล้านบาท คาดใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน “เกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล” มั่นใจช่วยผลักดันรายได้ในอนาคตเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หลังโรงงานเริ่มเดินเครื่องผลิตในปี 61 ระบุตลาดในพม่ามีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก หลังรัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค จำกัด (มหาชน) (SCI) ผู้ผลิตและจำหน่ายตู้สวิตช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์รองรับ ผลิตและจำหน่ายเสาไฟฟ้าแรงสูง และเสาสื่อสาร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศพม่า เพื่อลงทุนประกอบธุรกิจโรงงานผลิตเสาส่งแรงสูง และเสาสื่อสารโทรคมนาคมและชุบกัลวาไนซ์ เพื่อจำหน่าย และบริการในพม่า มูลค่าการลงทุนประมาณ 16 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 576 ล้านบาท
ทั้งนี้ อยู่ในขั้นตอนการเจรจากับพันธมิตรที่จะมาร่วมลงทุน แต่เนื่องจากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจอง และเช่าที่ดิน บริษัทฯ จึงต้องอนุมัติการลงทุนเพื่อดำเนินการต่างๆ ที่จำเป็นไปก่อน เพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสทางธุรกิจ โดยคาดว่าจะเริ่มเข้าลงทุนได้ในเดือน ม.ค.2559
สำหรับเงินที่ใช้ลงทุนแบ่งเป็น 1.ค่าจองที่ดินในเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา ซึ่งต้องชำระให้แก่ Myanmar Japan Thilawa Development Limited ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่เซ็นสัญญาจองที่ดิน 2.ค่าเช่าที่ดินเขตเศรษฐกิจพิเศษติลาวา ระยะเวลา 50 ปี ซึ่งต้องชำระให้แก่ Thilawa SEZ Management Committee และ 3.งบประมาณที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้างโรงงาน ซึ่งคำนวณจากขนาด และกำลังการผลิตของโรงงานโดยผู้เชี่ยวชาญของบริษัท
“การลงทุนสร้างโรงงานในครั้งนี้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อรองรับการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานระบบไฟฟ้า และการสื่อสารโทรคมนาคมในประเทศพม่า ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทฯ และบริษัทย่อยในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในประเทศพม่า ที่นอกเหนือจากการไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตเสาส่งแรงสู งและเสาสื่อสารโทรคมนาคมและชุบกัลวาไนซ์ โดยเงินที่ใช้ในการลงทุนในครั้งนี้มาจากเงินที่รับจากการขายหุ้นไอพีโอ และส่วนหนึ่งมาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน เป็นเงินกู้ยืมระยะยาว 5-7 ปี”
สำหรับการจัดตั้งโรงงานในพม่าขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตในการบริษัทย่อย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 120 วัน และใช้เวลาในการก่อสร้างโรงงานอีกประมาณ 18 เดือน โดยโรงงานดังกล่าวมีขนาดกำลังการผลิต 7,500 ตัน/ปี และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโรงงานในพม่าในปี 2561 หลังเริ่มเดินเครื่องการผลิต
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีไอ อีเลคตริค กล่าวอีกว่า การขยายการลงทุนในพม่าในครั้งนี้เพื่อเป็นการกระจายฐานที่มาของรายได้ และกระจายความเสี่ยงธุรกิจ ลดการพึ่งพารายได้จากภายในประเทศเพียงอย่างเดียว โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากในประเทศคิดเป็นสัดส่วน 65% และรายได้จากต่างประเทศในสัดส่วน 35% ซึ่งคาดว่าในอนาคตหลังสร้างโรงงานในพม่าเสร็จ และขยายการลงทุนในลาว จะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ และในประเทศจะอยู่ในอยู่ในสัดส่วน 50:50 ซึ่งจะทำให้การเติบโตของธุรกิจมีความแข็งแกร่ง และยั่งยืน