ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกาศกลยุทธ์หลักในปี 2559 มุ่งขยายฐาน และพัฒนาคุณภาพบริษัทจดทะเบียนสู่ความยั่งยืน สนับสนุนทิศการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามนโยบายรัฐบาล เพื่อให้ภาคเอกชน ทั้งบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SME) และธุรกิจที่มีศักยภาพเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน สร้างจุดเริ่มต้นใหม่ของการเติบโตในตลาดทุนไทย (New S-Curve) มุ่งเพิ่มสินค้าใหม่ที่หลากหลาย และโอกาสการระดมทุนของบริษัทต่างชาติ สร้างฐานผู้ลงทุนสถาบันในประเทศให้แข็งแรง ขยายฐานผู้ลงทุนบุคคล รวมถึงส่งเสริมคุณภาพบริษัทจดทะเบียนให้ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance: ESG) อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่การเติบโตที่มั่นคงยั่งยืน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงแผนกลยุทธ์ในปี 2559 ว่า ในปีหน้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งเติบโตควบคู่กับการพัฒนาเชิงคุณภาพ โดยเห็นว่าทิศทางการลงทุนในปีหน้ามีโอกาสเติบโตขึ้นตามการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตมากกว่าปีนี้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องการสนับสนุนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล จึงพร้อมส่งเสริม และสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ SME รวมถึงการสร้างฐานผู้ลงทุนสถาบันในประเทศให้แข็งแรงอีกด้วย เพื่อสร้าง New S-Curve ในธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ตลาดทุนไทย ขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าพัฒนาคุณภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย ขยายเครื่องมือและบริการด้านการลงทุนให้มีความหลากหลาย และเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ลงทุน เพื่อสร้างตลาดทุนไทยให้มีคุณภาพทัดเทียมสากล
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงวางกลยุทธ์หลักเพื่อนำไปสู่ S-Curve ใหม่ ในปีหน้า 6 ด้าน ได้แก่ขยายฐาน และพัฒนาคุณภาพบริษัทจดทะเบียน รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้ SME โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดของหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ 270,000 ล้านบาท ทั้งจากบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม (Industry Leader) รัฐวิสาหกิจ และบริษัทต่างชาติทั้งในกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง และอื่นๆ พร้อมสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และโอกาสทางธุรกิจให้แก่ SME และตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าตามราคาตลาดจากบริษัทหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีอยู่อีก 255,000 ล้านบาท พร้อมพัฒนาคุณภาพของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างต่อเนื่อง โดยพัฒนาทั้งกระบวนการตั้งแต่การระดมทุนจากประชาชนครั้งแรก การซื้อขายและตัวกลางในการซื้อขาย จนถึงการกำกับดูแล รวมถึงส่งเสริมคุณภาพตามกรอบตัวชี้วัดด้าน ESG อย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนบริษัทจดทะเบียนที่มีศักยภาพสู่ตัวชี้วัดสากล (Dow Jones Sustainability Indices : DJSI)”
นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มสินค้าใหม่ และขยายขอบเขตของสินค้า และบริการปัจจุบัน เช่น การจัดทำดัชนีหุ้นกลุ่มใหม่ และการซื้อขาย Electronic Gold ในรูปแบบของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังหาโอกาสเข้าร่วมพัฒนาตลาดทุนในประเทศกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) และมีบทบาทด้านการพัฒนาความรู้ผู้ประกอบวิชาชีพใน GMS
ขณะเดียวกัน ยังสร้างฐานผู้ลงทุนสถาบันในประเทศให้แข็งแรง ส่งเสริมด้านการวางแผนเกษียณ รองรับสังคมสูงอายุ โดยร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ส่งเสริมการลงทุนผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวม และพัฒนาระบบงานกลางสำหรับกองทุนรวม (Fund Service Platform) เพื่อรองรับการขยายตัวของกองทุนรวม และเพิ่มช่องทางให้แก่ผู้ลงทุน นอกจากนี้ ยังมุ่งส่งเสริมช่องทางการขายเป็น Digital Tools จากเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่
พร้อมกันนี้ ได้ส่งเสริมคุณภาพ และขยายฐานผู้ลงทุนบุคคลด้วยการขยายฐาน และพัฒนาคุณภาพผู้ลงทุนเป้าหมายผ่านสถาบันตัวกลางพันธมิตร และพัฒนาทักษะความรู้ผู้ลงทุนในตลาดทุน และส่งเสริมสื่อเทคโนโลยีทางการเงินรูปแบบใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ลงทุนรุ่นใหม่ รวมถึงพัฒนาช่องทางการตลาด เพื่อขยายฐานผู้ลงทุนในต่างจังหวัด และเชื่อมโยง GMS ผ่านตัวกลาง โดยตั้งเป้าเพิ่มผู้ลงทุนในหุ้นอีก 110,000 ราย และในตราสารอนุพันธ์อีก 10,000 ราย และเพิ่มบัญชี Online อีก 180,000 บัญชี
ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรตัวกลาง และโครงสร้างพื้นฐานตลาดทุนเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต นอกเหนือจากการสร้างฐาน และเสริมความรู้ให้แก่ผู้ประกอบวิชาชีพตลาดทุนอย่างต่อเนื่องแล้ว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังสนับสนุนเพื่อให้กระบวนการในตลาดทุนพัฒนาเป็น Digital เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์
อย่างไรก็ดี มุ่งสู่การเป็น Employer of Choice หรือองค์กรที่เป็นที่ปรารถนาของคนทำงาน โดยมุ่งสร้างให้องค์กรสามารถ สรรหา พัฒนา และรักษาผู้ที่มีศักยภาพให้มีความพร้อม และเติบโต ก้าวสู่การเป็นผู้นำขององค์กรในอนาคต เพื่อร่วมสร้างให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นองค์กรที่ยั่งยืน
“ปี 2558 ตลาดหลักทรัพย์ฯ แสดงศักยภาพที่โดดเด่นในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านธุรกิจ และด้านคุณภาพ ได้แก่ 1) มูลค่าซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวันสูงสุดในอาเซียนต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 อยู่ที่ 44,527 ล้านบาท (หรือ 1.24 พันล้านเหรียญสหรัฐ) (ข้อมูล ณ สิ้น 16 ธ.ค.58) 2) มูลค่าตลาดรวมของหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ จนถึงสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 2.97 แสนล้านบาท จาก 42 หลักทรัพย์ 3) จัดให้มีรายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) 51 บริษัทจดทะเบียน 4) ผลักดันบริษัทจดทะเบียนไทยให้ได้รับคัดเลือกเป็นองค์ประกอบในดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) 13 แห่ง มากที่สุดในอาเซียน 5) ยกระดับบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ของไทยส่งผลให้ บจ.ไทยได้คะแนน ASEAN CG Scorecard สูงสุดในภูมิภาค 6) ประสบความสำเร็จในการรวมศูนย์ซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าระหว่างตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) กับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET)”
ขณะที่ด้าน นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า การมุ่งสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนเป็นทิศทางที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงให้ความสำคัญ และจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องในปี 2559 เพื่อมุ่งสู่ความเป็น Sustainable Stock Exchange (SSE) ตามกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมที่จะเติบโตควบคู่กับแนวนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล และส่งเสริมความรู้ทางการเงินให้แก่ประชากรไทย รวมถึงผลักดันบริษัทขนาดกลางและเล็ก และธุรกิจในครอบครัวให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อให้กิจการเหล่านี้สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่เศรษฐกิจ และสังคมได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ แนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งเน้นจะพัฒนาต่อไปนั้นจะมีความทันสมัย เป็นสากล ครบทุกมิติทั้งความลึก ความกว้าง และคุณภาพ เพื่อตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียในตลาดทุน สังคม และประเทศชาติ