xs
xsm
sm
md
lg

ผู้บริหาร K มั่นใจเฟิร์สเดย์เทรด 18 ธ.ค.นี้ นักลงทุนให้การตอบรับดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้บริหาร K มั่นใจเฟิร์สเดย์เทรด 18 ธ.ค.นี้ นักลงทุนให้การตอบรับดี ย้ำทิศทางธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ขณะที่ SET กลับมายืนเหนือ 1,300 จุด ซึ่งเป็นฐานที่แข็งแกร่ง

นายชยวัฒน์ พิเศษสิทธิ์ ประธานกรรมการ บมจ.คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ (K) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าหุ้น K ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 18 ธ.ค.58 เป็นวันแรกจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เพราะธุรกิจออกแบบ และตกแต่งภายในมีการเติบโตทุกปี และบริษัทเน้นงานในระดับไฮเอนด์ที่มีคู่แข่งน้อย

บริษัทประเมินว่า ในปี 59 ธุรกิจค้าปลีกจะเติบโต 28% โดยจะมีพื้นที่ค้าปลีกขยายเพิ่มขึ้น 2 ล้าน ตร.ม. จากปัจจุบัน 7 ล้าน ตร.ม. ซึ่งบริษัทเชื่อว่าธุรกิจออกแบบ และตกแต่งภายในจะเติบโตตาม จึงตั้งเป้ารายได้ปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ทิศทางเดียวกัน เนื่องจากจะมีห้างสรรพสินค้าเปิดใหม่เพิ่มขึ้น และมีการปรับปรุงสาขาเดิม รวมทั้งศูนย์การค้าขนาดย่อมในรูปแบบคอมมูนิตีมอลล์ที่จะเพิ่มขึ้น

นายชยวัฒน์ กล่าวว่า รายได้ในปี 59 น่าจะแตะ 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ที่คาดรายได้ที่ 950 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีรายได้แล้ว 651 ล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 4/58 ปกติรายได้จะมากกว่าทุกไตรมาส และในอีก 5 ปีข้างหน้าตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 20% ทุกปีตามธุรกิจค้าปลีก

สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนราวเกือบ 300 ล้านบาทในครั้งนี้ จะนำไปลงทุนขยายโรงงานใหม่ 4 แห่ง ที่ รังสิต-นครยายก โดยซื้อเครื่องเข้า 2 โรงก่อน ใช้เงินราว 50 ล้านบาท อีก 50 ล้านบาท ลงทุนต่อเนื่องจากที่เปิดออฟฟิศในประเทศพม่าไปแล้ว และอีก 100 กว่าล้านบาท ชำระหนี้เงินกู้ ปัจจุบันมีหนี้ระยะสั้น 120-130 ล้านบาท ที่กู้มาลงทุนโรงงาน 2 แห่งแรก ที่ อ.ลำลูกกา คลอง 6 จ.ปทุมธานี ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) 1.2 เท่า หลัง IPO มีการชำระหนี้แล้ว D/E จะลดลงอย่างมากแทบไม่เหลือ

ทั้งนี้ โรงงาน 2 แห่งจะซื้อเครื่องจักรเข้ามาติดตั้งได้ราวไตรมาส 2/59 และหลังติดตั้งเครื่องจักรครบทั้ง 4 แห่ง จะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว รองรับการขยายงานได้อีก 5 ปี โดยโรงงานแห่งใหม่จะผลิตเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูป (พรีแฟบ) เพื่อนำไปใช้ในงานตกแต่งบูทแสดงสินค้า

“เดิมเรารับงานได้ 4 ชอป/ห้างสรรพสินค้า หลังขยายโรงงานผลิตเพิ่มคาดรับงานได้ 8-10 ชอป ก่อนจะเพิ่มเป็น 1 ชอปในอนาคต แนวโน้มธุรกิจยังมีช่องทางโตได้อีกเยอะ” นายชยวัฒน์ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ยาวนานกว่า 30 แบรนด์ดัง เช่น ยูนิโคล MNG MARKS&SPENCER และผู้จัดการงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ เช่น มอเตอร์โชว์ มอเตอร์ เอ็กซ์โป มันนี่ เอ็กซ์โป รวมไปถึงศูนย์การค้าเซ็นทรัล เดอะมอลล์ และ TCC แลนด์ เป็นต้น

สำหรับสัดส่วนรายได้เป็นออกแบบและตกแต่งภายใน 50% ออกแบบบูทงานแสดงสินค้า 40% และงานอีเวนต์ 8% รายได้ส่วนใหญ่มาจากงานภาคเอกชน 99% บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 20-25% หากเป็นงานตกแต่งภายจะในอยู่ที่ 20% บูทแสดงสินค้า 25% และมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่ 6.5% แต่หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วมีการขยายโรงงานใหม่การผลิตเพิ่มขึ้น ชำระหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ยลดลง จะทำให้อัตรากำไรสุทธิสูงขึ้น ซึ่งปี 59 ก็คาดว่าจะสูงกว่าปีนี้ที่ 6.5%

นายชยวัฒน์ กล่าวถึงการขยายการลงทุนในประเทศพม่า เป็นการรับงานออกแบบ และตกแต่งร้านค้าของแบรนด์ชั้นนำในห้างสรรพสินค้า โดยปี 58 คาดรายได้อยู่ที่ 6.6 ล้านบาท ปี 59 น่าจะเพิ่มเป็นกว่า 20 ล้านบาท จากฐานลูกค้าที่ดีขึ้น ตลาดดีขึ้น การก่อสร้างศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้าเริ่มเสร็จก็จะมีงานตกแต่งภายใน นอกจากนี้ ยังมองโอกาสการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว เป็นต้น

“ในพม่าเตรียมความพร้อมเปิดออฟฟิศ วางรากฐานมา 2 ปี วางตลาด คอนเนกชันพร้อม ถ้าตลาดมาก็เดินหน้าเต็มที่ ถ้าตลาดพร้อมก็ขึ้นโรงงานได้” นายชยวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท คือ Kingsmen Creatives ประเทศสิงคโปร์ ปัจจุบันถือในสัดส่วน 20% หลัง IPO เหลือถือ 10% ส่วนผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี มีกำไรสุทธิต่อเนื่อง และที่ผ่านมา บริษัทจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 80% จากนโยบายจ่ายไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ ส่วนปี 58 ต้องรอดูการลงทุน และความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อการขยายธุรกิจ

นายสันทัด สงวนดีกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ธนชาต ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน K เปิดเผยว่า ไม่กังวลการเข้าเทรดเพราะวันนี้ตลาดหุ้นไทยดีดกลับมายืนเหนือ 1,300 จุด ซึ่งเป็นฐานที่แข็งแกร่ง

“บ้านเราราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลดีต่อธุรกิจการบิน การท่องเที่ยวก็จะดี คนเดินศูนย์การค้ามากขึ้น ขณะที่เราเข้าเทรดใน mai ยอดขายเราไม่ถึง 1,000 ล้านบาท การเติบโตยังไปได้อีกมาก ไม่เหมือนกับ SET ที่น้ำหนักอยู่ที่กลุ่มพลังงานที่กดดันภาพรวมตลาดอยู่ อย่างไรก็ตาม อยากให้มองหุ้น K เป็นหุ้น growth stock มากกว่าเป็นหุ้นปันผล” นายสันทัด กล่าว

ทั้งนี้ K เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น โดยเป็นหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท จำนวน 50 ล้านหุ้น และอีก 10 ล้านหุ้น เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม คือ Kingsmen Creatives เสนอขายให้แก่ประชาชนที่ราคาหุ้นละ 5.80 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น