CSP มีลุ้นรับงานเหล็กสำหรับทำเสา 4G หลังรู้ผลผู้ชนะประมูลคลื่นความถี่ พร้อมความต้องการใช้เหล็กปรับเพิ่มขึ้นตามนโยบายขยายโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ เดินหน้าปรับกลยุทธ์ขายสินค้ามาร์จิ้นสูง ปักธงปี 59 เทิร์นอะราวนด์ รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10-15% ปั๊มมาร์จิ้นโตระดับเดิม 7-8% เผยงบ 9 เดือน รายได้รวม 1,949.70 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ ชัยสุพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทซีเอสพี สตีลเซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) CSP ผู้ดำเนินธุรกิจเหล็กแผ่นแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) เปิดประมูลคลื่นความถี่ 4G เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริษัทมีแผนเข้าเสนองานเหล็กสำหรับเสาโทรคมนาคม บริษัทกับพันธมิตรมีความพร้อมในการผลิต จำหน่าย และติดตั้งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ทันทีหากมีการเริ่มลงทุนด้านระบบ
“เราคาดหวังว่าในปลายปีนี้การเริ่มธุรกิจตัวใหม่ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กด้านงานวิศวกรรม ด้านความปลอดภัย จะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า ซึ่งบริษัทวางแผนการตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และผลักดันสินค้าให้เป็นที่ยอมรับของโครงการต่างๆ นอกจากนี้ CSP ยังมีการปรับกลยุทธ์ให้สามารถสร้างการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมน้อยที่สุด โดยเน้นมุ่งเน้นรักษาฐานลูกค้าเดิม รักษามาตรฐานการบริการ เลือกผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงตอบโจทย์ความต้องการใช้งาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้สินค้าที่บริษัทมีอยู่ให้เป็นมากกว่าวัตถุดิบพื้นฐาน” นายวีรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการปี 2559 จะพลิกกลับมามีกำไรได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก หลังจากปีนี้บริษัทได้มีการลงทุน 50 ล้านบาท ในการขยายโรงงาน และซื้อเครื่องจักรใหม่รองรับการผลิตสินค้าในกลุ่มงานวิศวกรรม และด้านความปลอดภัย โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ไว้ที่ 30% และตั้งเป้ารายได้ปี 59 เติบโต 10-15% จากปีนี้ ส่วนกำไรสุทธิคาดจะเติบโตตามรายได้ โดยคาดว่าปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น 15-20% ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ในปี 59 จะกลับมาอยู่ในระดับ 7-8% ได้
สำหรับรายได้ปีนี้คาดว่าจะทำได้ 2.7 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3.86 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากราคาเหล็กที่ปรับตัวลดลงกว่า 20% และการชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจการลงทุน โดยผลประกอบการงวด 9 เดือน บริษัทมีรายได้รวม 1,949.70 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 129.56 ล้านบาท ไตรมาส 3 มีรายได้รวม 594.84 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 748.56 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิ 30.51 ล้านบาท