ช่วงนี้ตลาดหุ้นดูซึมๆ ใครหลายคนคงอยากจะออกจากตลาดหุ้นให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย แต่ช้าก่อน!! ไม่ว่าตลาดหุ้นจะเป็นอย่างไรก็ตาม คุณก็ควรจะลงทุนในหุ้นอยู่ดี ไปดูกันว่าอะไรคือเหตุผล
หนึ่ง..มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกล้วนแต่เป็นเจ้าของหุ้นทั้งสิ้น โดยเฉพาะ วอเรน บัฟเฟต์ ผู้ร่ำรวยติด 3 อันดับแรกของโลกก็มีอาชีพเป็นนักลงทุน หรือบิล เกต ก็ร่ำรวยจากการถือหุ้นบริษัทไมโครซอฟท์ที่เขาสร้างขึ้น ถ้าหากไปดูอันดับมหาเศรษฐีของฟอร์บส เกือบทั้งหมดเป็นเจ้าของกิจการที่ถือหุ้นในบริษัทตัวเอง เรียกได้ว่าแทบไม่มีใครที่เป็นลูกจ้างจะมีชื่อติดอันดับเศรษฐีได้
มีคำกล่าวว่า เศรษฐีล้วนแต่ถือครองทรัพย์สินเพียง 2 อย่างเท่านั้น คือ ที่ดิน และหุ้น ดังนั้น...ศึกษาเรื่องหุ้นไว้เถอะครับ
สอง..หุ้นให้ผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่าลงทุนอย่างอื่น โดยเฉลี่ยตลาดหุ้นทั่วโลกสามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 7-10% ต่อปี สำหรับตลาดหุ้นไทย ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ระบุว่า ผลตอบแทนย้อนหลังระหว่างปี 2003-2013 อยู่ที่ 17.31% เลยทีเดียว ขณะที่เงินฝาก และตราสารหนี้ต่างๆ ให้ผลตอบแทนระดับ 2-3% เท่านั้น ส่วนทองคำก็ให้ผลตอบแทนขึ้นๆ ลงๆ
เราอาจจะเห็นตลาดหุ้นมีทั้งขึ้นแรง และลงแรง โดยเฉพาะเมื่อไม่นานมานี้ที่ตลาดหุ้นลดลงเป็นร้อยจุดในเวลารวดเร็ว แต่ความเป็นจริงคือ ตลาดหุ้นเกือบทุกประเทศทั่วโลกล้วนแล้วมีแต่ขาขึ้นเท่านั้น แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นหลายครั้งก็ตามแต่ตลาดหุ้นก็จะลงชั่วคราว และขึ้นมาใหม่สูงกว่าระดับเดิม หมายความว่าถ้าเราถือหุ้นในระยะยาว อย่างไรก็ให้ผลตอบแทนที่ดี และแม้ตลาดหุ้นจะตก แต่บริษัทดีๆ อย่างไรก็มีจ่ายปันผล
สาม..หากลงทุนในกิจการที่แข็งแกร่ง ระยะยาวราคาหุ้นมีแต่ขึ้นแน่นอน เชื่อหรือไม่ว่าถ้าเราถือหุ้นบริษัทปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCC ตั้งแต่เริ่มเข้าตลาดหุ้นจนถึงปัจจุบัน เราจะได้ผลตอบแทนรวมทั้งราคาหุ้น และเงินปันผลรวมกันหลักร้อยเปอร์เซ็นต์!! หรือหุ้นเซ็นทรัล (CPN) ที่แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลายรอบแต่ราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์เช่นกัน
แสดงว่าถ้าเราเลือกลงทุนในหุ้นที่ดี จะสามารถสร้างความมั่งคั่งให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ไม่แพ้เจ้าของกิจการเลยทีเดียว
สี่..สามารถเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่ได้โดยเพียงแค่ใช้เงินลงทุน ลองคิดดูว่าชีวิตนี้เราจะสามารถเป็นเจ้าของโรงพยาบาล สนามบิน ห้างค้าปลีก ฯลฯ ได้หรือไม่ เพราะใช่ว่าทุกคนจะมีความสามารถในการบริหารธุรกิจจนสำเร็จ แต่ตลาดหุ้นสามารถทำให้เราเป็นเจ้าของกิจการเหล่านี้ได้ โดยเพียงแค่เปิดพอร์ต และใส่เงินลงทุนเข้าไปเท่านั้น เพียงเท่านี้เราก็สามารถเป็นเจ้าของกิจการดังกล่าวได้ตามสัดส่วนเงินที่เราลงไป
ห้า..สามารถส่งต่อเป็นมรดกให้แก่ลูกหลานได้หากหุ้นที่เราถืออยู่เป็นกิจการที่แข็งแกร่ง เป็นผู้นำในตลาด เราสามารถส่งต่อหุ้นในพอร์ตของเราให้ทายาทเป็นผู้ถือ และรับส่งความมั่งคั่งจากหุ้นดังกล่าวต่อไปได้
เห็นแบบนี้แล้วลองหาเวลามาศึกษาการลงทุนในตลาดหุ้นดูนะครับ คุณก็จะสามารถสร้างความมั่งคั่ง หรือเป็นเจ้าของกิจการได้เช่นกัน
นเรศ เหล่าพรรณราย
ติดตามรายละเอียดของโครงการได้ที่ www.supertrader.co.th
SuperTrader รายการเรียลิตีการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เข้มข้นด้วยความรู้จากโค้ชผู้มากประสบการณ์ ผ่านบททดสอบจากตลาดหุ้นจริง