xs
xsm
sm
md
lg

สศค.เผยเศรษฐกิจเดือน ต.ค.มีสัญญาณฟื้น มั่นใจ Q4/58 จีดีพีเติบโตดีที่สุดในรอบปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สศค.เผยเศรษฐกิจ ต.ค.มีสัญญาณเริ่มฟื้นตัว โดยเป็นผลจากนโยบายกระตุ้นการลงทุน ขณะที่การส่งออกยังหดตัว มั่นใจ GDP ไตรมาส 4/58 เติบโตดีที่สุดในรอบปี มั่นใจ ศก.ไทยเริ่มฟื้นตัว และช่วยหนุน GDP ปี 59 เติบโตได้ถึง 3.8%

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ต.ค.58 เศรษฐกิจไทยมีปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลที่สนับสนุนการบริโภค และการลงทุนภายในประเทศ และบทบาทนโยบายการคลังผ่านการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวได้ในระดับสูง ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ปี 2558 จะสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ การบริโภคภาคเอกชนในเดือน ต.ค.58 มีปัจจัยบวกจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 62.2 ส่วนหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลได้มีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น และราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการใช้จ่ายภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ ขยายตัวได้ที่ 4.8% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่กลับมาหดตัว -4.1% ต่อปี โดยมีผลมาจากภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้า ณ ราคาคงที่ ซึ่งหดตัวต่อเนื่องที่ -15.3% ต่อปี สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์หดตัว -6.5% ต่อปี จากการหดตัวของปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเขตภูมิภาคเป็นหลัก จากปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปริมาณอุปสงค์ในตลาดโลกที่ซบเซาทำให้กำลังซื้อของประชาชนชะลอลง

ด้านการลงทุนภาคเอกชนในเดือน ต.ค.58 มีสัญญาณทรงตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้างสะท้อนจากภาษีการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์หดตัวชะลอลงที่ -4.6% ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังหักผลทางฤดูกาล พบว่า ขยายตัวได้ 0.2% ต่อเดือน ขณะที่ปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์หดตัวที่ -0.3% ต่อปี สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างหดตัวต่อเนื่องที่ -6.5% ต่อปี สำหรับการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรสะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุนขยายตัว 5.4% ต่อปี อย่างไรก็ตาม เมื่อหักสินค้าพิเศษ (เครื่องบิน เรือ และรถไฟ) พบว่า หดตัว -2.7% ต่อปี

สถานการณ์ด้านการคลังในเดือน ต.ค.58 สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการลงทุนของรัฐบาลที่ขยายตัวในระดับสูง และดุลงบประมาณที่ขาดดุล ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณโดยรวมของรัฐบาลในเดือน ต.ค.58 มีจำนวน 374.2 พันล้านบาท ขยายตัว 1.8% ต่อปี โดยรายจ่ายงบประมาณประจำปีปัจจุบันสามารถเบิกจ่ายได้ จำนวน 359.6 พันล้านบาท ขยายตัว 4.3% ต่อปี แบ่งออกเป็น (1) รายจ่ายประจำ 336.1 พันล้านบาท ขยายตัว 1.8% ต่อปี และ (2) รายจ่ายลงทุน 23.5 พันล้านบาท ขยายตัว 58.7% ต่อปี

สำหรับการจัดเก็บรายได้รัฐบาล พบว่า รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิ (หลังหักจัดสรรให้ อปท.) ในเดือน ต.ค.58 ได้จำนวน 165.3 พันล้านบาท หดตัว -4.8% ต่อปี ทั้งนี้ ดุลงบประมาณในเดือน ต.ค.58 ขาดดุล จำนวน -218.1 พันล้านบาท สะท้อนบทบาทนโยบายการคลังในการสนับสนุนเศรษฐกิจไทย

ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือน ต.ค.58 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ -8.1% ต่อปี จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน โดยเป็นการหดตัวในทุกตลาดส่งออก ยกเว้น ฮ่องกง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้ ที่ยังสามารถขยายตัวได้

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือน ต.ค.58 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน มาอยู่ที่ระดับ 84.7 จากการที่ยอดคำสั่งซื้อโดยรวมมีทิศทางดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า เนื่องจากในช่วงท้ายปีผู้ประกอบการต่างจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ รวมทั้งได้รับผลดีจากการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับภาคการท่องเที่ยว สะท้อนได้จากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยขยายตัวได้เล็กน้อยที่ 1.0% ต่อปี และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังหักผลทางฤดูกาลสามารถขยายตัวได้ 1.9% ต่อเดือน ซึ่งนับเป็นการขยายตัวเป็นบวกครั้งแรกเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าในรอบ 2 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าผลกระทบจากเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อเดือน ส.ค.58 ลดลง

ขณะที่ภาคเกษตรกรรมสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือน ต.ค.58 ยังคงหดตัวที่ -4.8% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนหน้า หลังหักผลทางฤดูกาล พบว่า สามารถขยายตัวได้ 5.4% ต่อเดือน โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวของผลผลิตมันสำปะหลัง และข้าวโพด ที่ขยายตัวได้ดี กอปรกับผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ที่ขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ขณะที่ผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือก ยังคงหดตัวต่อเนื่อง จากผลกระทบของปัญหาภัยแล้ง ประกอบกับยางพารา และปาล์มน้ำมันที่หดตัว

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานในเดือน ต.ค.58 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 0.9% ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.8 แสนคน ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปหดตัวอยู่ที่ -0.8% ต่อปี เป็นผลมาจากการการหดตัวของราคาน้ำมัน ราคาไฟฟ้า และราคาเนื้อสัตว์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.0% ต่อปี สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือน ก.ย.58 อยู่ที่ระดับ 43.3% ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกิน 60%

สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจได้ สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ต.ค.58 อยู่ในระดับสูงที่ 158.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.8 เท่า

ผู้อำนวยการ ศสค.ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4 ของปีนี้จะสามารถเติบโตได้ดีที่สุดในรอบปี โดยคาดว่าจะเติบโตได้ 2.9% ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยงบลงทุนในปีงบประมาณ 59 ที่ช่วยสนับสนุนอย่างเต็มที่

โดยเชื่อว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทยในปีนี้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 2.8% ขณะที่คาดว่าการส่งออกปีนี้จะติดลบ 5.4% พร้อมมองว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง และหนุนให้ GDP ปีหน้าเติบโตได้ถึง 3.8%
กำลังโหลดความคิดเห็น