xs
xsm
sm
md
lg

คาดบาทป่วนหลังเฟดลด ดบ.-กรุงศรีฯ แนะทำฟอร์เวิร์ดปิดเสี่ยง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


กรุงศรีฯ ประเมินประเทศในภูมิภาคนี้จะยังต้องเผชิญกับความผันผวนของค่าเงินแม้เฟดจะเริ่มปรับดอกเบี้ยแล้ว รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินที่แตกต่างกันของสองขั้วหลักโลก คาดบาทอยู่ที่ 36.50 ในสิ้นปีนี้ แนะผู้ประกอบการทำฟอร์เวิร์ดช่วยรองรับความเสี่ยง

นายตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านบริหารการเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เปิดเผยว่า ธนาคารคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในการประชุมกลางเดือน ธ.ค.นี้ ในอัตรา 0.25% เป็น 0.50% และปรับขึ้นอีก 0.75% ไปอยู่ที่ 1.25% ในปลายปีหน้า หากภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยน่าจะทรงตัวอยู่ที่ระดับ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ และปรับขึ้น 1 ครั้งในปีหน้าที่ 0.25% เป็น 1.75%

นายตรรก กล่าวอีกว่า ในปีหน้าจะเกิดภาวะที่นโยบายการเงินของทั้ง 2 ขั้วแตกต่างกัน ทางฝั่งสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ย และจะมีแนวทางที่เข้มงวดขึ้น ขณะที่กลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นยังต้องคงดอกเบี้ย และใช้เกณฑ์ผ่อนคลายทางการเงินอยู่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้การไหลเวียนของเงินทุนและค่าเงินของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเกิดใหม่ที่มีเงินทุนจากต่างประเทศเข้าไปลงทุนมากๆ มีความผันผวน โดยธนาคารคาดการณ์ค่าเงินบาทจะอยู่ที่ 36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในสิ้นปีนี้ และอยู่ในกรอบ 36.50-37.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ

“ถ้าถามว่า ค่าเงินจะผันผวนที่มากๆ ช่วงไหน ก็คงเป็นช่วงที่เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยแล้ว และจะต้องดูถึงถ้อยแถลงที่จะบ่งชี้ถึงการดำเนินนโยบายต่อไปจะว่าเป็นแบบเข้มข้น หรือผ่อนคลาย ซึ่งตรงนี้ผู้ที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องระมัดระวังด้วยการซื้อประกันความเสี่ยงจะดีกว่า โดยตั้งแต่ต้นปีเงินบาทอ่อนค่าลง 8.6% ก็นับว่าเงินบาทอ่อนค่าลงค่อนข้างมาก เป็นอันดับสามในภูมิภาคเดียวกัน รองริงกิตของมาเลเซียที่ 20.2% และรูเปียะอินโดนีเซียที่ 9.8%”

สำหรับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้คงไว้ที่ 2.9% และปีหน้าคาดการณ์ที่ 3.0-3.5% หรือค่ากลางประมาณ 3.2% โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักๆ มาจากการลงทุนภาครัฐ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงเป็นภาคการส่งออกที่อาจจะยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ รวมถึงปัจจัยทางการเมืองหากเข้าสู่ช่วงเลือกตั้ง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าปีหน้าจะเติบโต 6.5% ชะลอลงจากปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตได้ 6.9%
กำลังโหลดความคิดเห็น