บริษัทอสังหาฯ รายกลางโชว์ตัวเลขไตรมาส 3 และงวด 9 เดือน เอ็น.ซี.ฯ ระบุกำไรดีขึ้น รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 21.33% จากยอดโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น งวด 9 เดือนกำไรเพิ่มขึ้น 123.62% “อีสเทอร์น สตาร์ฯ” แจงเหตุผลการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 20% เหตุรายได้การขายและค่าเช่าและบริการลดลง “ริชี่เพลซ” ระบุปีที่ผ่านมา รับรู้รายได้โครงการริชปาร์ค @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ไปเป็นจำนวนมาก บวกเศรษฐกิจชะลอตัว ลูกค้าชะลอตัดสินใจซื้อ “เสนาฯ” แม้กำไร และรายได้ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่โครงการแนวสูงมีการรับรู้รายได้ที่มีนัยสำคัญ พร้อมอานิสงส์เริ่มมีรายได้จากโครงการโซลาร์รูฟท็อป รายได้จากสนามกอล์ฟ
นายวิเชียร ศิลาพัชรนันท์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศ บริษัท เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) กล่าวชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2558 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 20.33 ล้านบาท เทียบกับผลกำไรสุทธิ 5.15 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เพิ่มขึ้น 15.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 294.45% โดยมีสาเหตุหลัก มีรายได้รวม 493.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.08%
รายได้จากการขายรวม 485.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.33% เนื่องจากความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ปิ่นเกล้า-สาย 5, โครงการเนทูเรซ่า คอนโดมิเนียม เฟส 1, โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ เทอร์เร่, โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ นีว่า ขณะที่รายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น 3.76 ล้านบาท จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน
สำหรับงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 96.65 ล้านบาท เทียบกับปี 2557 ซึ่งมีผลการดำเนินงานกำไรสุทธิ 43.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 123.62% โดยมีรายได้รวม 1,590.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.03% รายได้จากการขาย 1,575.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.90% เนื่องจากความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงการบ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ปิ่นเกล้า-สาย 5, โครงการเนทูเรซ่า คอนโดมิเนียม เฟส 1, โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ เทอร์เร่, โครงการธัญธานี โฮมออนกรีน วิลเลจ 2, โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ นีว่า
สินทรัพย์รวม 5,062.16 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 จำนวน 150.95 ล้านบาท หรือลดลง 2.90% เนื่องจากมีการเปิดโครงการใหม่บ้านฟ้ากรีนเนอรี่ ปากเกร็ด-ราชพฤกษ์ หนี้สินรวม 2,638.91 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 จำนวน 203.72 ล้านบาท หรือลดลง 7.17% เนื่องจากเงินกู้ยืมระยะยาวสถาบันการเงินลดลง
นายฐิติวุฒิ สุขพรชัยกุล กรรมการบริหาร บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า งวดไตรมาส 3 มีผลขาดทุนสุทธิ จำนวน 9.10 ล้านบาท ขณะที่ปี 57 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับงวด 44.56 ล้านบาท เปลี่ยนแปลงลดลง 53.66 ล้านบาท คิดเป็น 120% สาเหตุหลักทำให้ผลการดำเนินงานเปลี่ยนแปลงเกินกว่า 20% เกิดจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์และการให้เช่าและบริการปี 58 ลดลง จำนวน 79.70 ล้านบาท และต้นทุนการขายอสังหาริมทรัพย์ และการให้เช่าและบริการลดลง จำนวน 28.44 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 57 เนื่องจากในปี 58 มีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ในโครงการชุดพักอาศัยเขตกรุงเทพฯ ลดลง
รายได้อื่นปี 58 ลดลง 16.86 ล้านบาท เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการขายปี 58 ลดลง 7.08 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 57 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์และค่าส่งเสริมการขายลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินลดลง 2.10 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลง 10.07 ล้านบาท
สำหรับงวด 9 เดือน รวมรายได้ 494.05 ล้านบาท เทียบกับงวด 9 เดือนของปี 57 รวมรายได้อยู่ที่ 952.18 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่าย 543.28 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับ 814.13 ล้านบาทในงวดเดียวกันปี 57 โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 50.32 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 100.86 ล้านบาท
บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ไตรมาส 3 มีรายได้เท่ากับ 108.40 บาท ลดลง 134 ล้านบาท หรือลดลง 55.28% เนื่องจากปีก่อนในไตรมาสเดียวกัน มีโครงการที่แล้วเสร็จ คือ โครงการริชปาร์ค @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และมีการรับรู้รายได้ในไตรมาส 3 ปีก่อน จึงทำให้มียอดรับรู้รายได้สูงกว่าไตรมาส 3 ปี 58
สำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน มีรายได้เท่ากับ 330.45 ล้านบาท ลดลง 109.62 ล้านบาท หรือลดลง 24.91% ปัจจัยหลักมาจากการรับโอนกรรมสิทธิ์จากลูกค้าโครงการ ริชปาร์ค @ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์
สำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน รายได้จากขายอาคารชุดเท่ากับ 272.78 ล้านบาท ลดลง 70.90 ล้านบาท หรือลดลง 20.63% เนื่องจากมีโครงการขายหมดซึ่งปิดตัวโครงการ คือโครงการ เลอริช รัชดา-สุทธิสาร, โครงการเลอริช@อารีย์สเตชั่น และด้วยภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปี 2558 ส่งผลให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ จึงเป็นผลให้รายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2558 บริษัทฯ มีต้นทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 70.73 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65.83% ของรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ต้นทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของปีก่อนเท่ากับ 155.36 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64.70% ของรายได้จากขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อย
รอบระยะเวลา 9 เดือนปี 2558 บริษัทฯมีต้นทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 221.29 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66.30% ของรายได้จากขายอสังหาริมทรัพย์ ในขณะที่ต้นทุนจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของปีก่อนเท่ากับ 283.54 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63.27% ของรายได้จากขายอสังหาริมทรัพย์ หรือเพิ่มขึ้น 3.03% เนื่องจากปีก่อนมีการรับรู้รายได้โครงการ Low Rise คือโครงการ เลอริชรัชดา-สุทธิสาร และโครงการ เลอริช@อารีย์สเตชั่น ที่มีต้นทุนต่ำจึงเป็นผลให้มีต้นทุนเฉลี่ยสาหรับงวด 9 เดือนในปีก่อนต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบในงวดเดียวกันปี 2558
ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 58 เท่ากับ 10.61 ล้านบาทหรือคิดเป็น 9.79% ของรายได้รวม โดยมีกาไรสุทธิลดลง 72.10% ปัจจัยมาจากรายได้ที่ลดลง ส่วนรอบระยะเวลา 9 เดือน มีกำไรสุทธิเท่ากับ 20.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.14% ของรายได้รวม โดยมีกำไรสุทธิลดลง 62.67% ปัจจัยมาจากรายได้ที่ลดลง
นางวีรพร ไชยสิริยะสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการและเลขานุการบริษัท เสนาดี เวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส 3 บริษัทมีกำไรสุทธิ 60.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 12.20% ของรายได้รวม ลดลงเท่ากับ 59.23 ล้านบาท หรือลดลง 49.54% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 119.57 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการรับรู้รายได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ลดลง ส่งผลให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 171.15 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 11.42% ของรายได้รวม ลดลง 81.99 ล้านบาท หรือลดลง 32.39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีผลกำไรสุทธิ 253.14 ล้านบาท
รายได้งวด 3 เดือนของไตรมาส 3 เท่ากับ 494.49 ล้านบาท ลดลงที่ 28.98% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากรายได้จากการขายที่อยู่อาศัยในไตรมาส 3 เท่ากับ 423.54 ล้านบาท ลดลง จำนวน 216.95 ล้านบาท หรือลดลง 33.87% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้รายได้จากการขายที่อยู่อาศัย
สำหรับงวด 9 เดือนของปี 2558 ลดลง จำนวน 216.02 ล้านบาท ที่ 12.60% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการแนวสูงเป็นจำนวน 952.34 ล้านบาท โดยรับรู้รายได้โครงการที่มีนัยสำคัญ ได้แก่ เดอะนิช ไอดี พระราม 2 เดอะนิชโมโนบางนา เดอะคิทท์ ติวานนท์ เดอะคิทท์ ลำลูกกาคลอง 2 เดอะคิทท์ พลัส นวมินทร์ และโครงการแนวราบ เสนาพาร์คแกรนด์ รามอินทรา และโครงการแนวราบที่เริ่มมีการรับรู้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เช่น เสนาทาวน์ รามอินทรา เฟส 1 และเฟส 2 เสนาวิลล์ รามอินทราคู้บอน และ เอสวิลล์ คลองหลวง
รายได้จากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าในไตรมาส 3 บริษัทฯ เริ่มมีรายได้จากโครงการโซลาร์รูฟท็อป เท่ากับ 2.47 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2558 เป็นต้นมา
รายได้สนามกอล์ฟไตรมาส 3 เท่ากับ 14.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.11 ล้านบาท คิดเป็น 28.17% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการที่สนามกอล์ฟได้เปิดให้บริการครบ 18 หลุม และสร้างคลับเฮาส์แห่งใหม่แล้วเสร็จ จึงส่งผลให้รายได้สนามกอล์ฟงวด 9 เดือนปี 2558 เท่ากับ 49.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 19.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี