ธ.กสิกรฯ มองจีดีพีปี 59 เติบโตได้ 2-3% ต่ำกว่าศักยภาพ ชี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ทั้งด้านการเมือง ซึ่งเมื่อไม่มีความชัดเจน ทำให้เอกชนไม่ตัดสินใจลงทุน ส่วนมาตรการกระตุ้น ศก. และการปฏิรูปประเทศ ยังเป็นแค่ความหวัง หากไม่เกิดการลงมือปฏิบัติจริง ส่วนปัจจัยนอกปีหน้า คาดเฟดขึ้น ดบ. อีก 2 ครั้ง อาจทำให้ตลาดเงินในภูมิภาคผันผวนรวมถึงไทย
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวในงานสัมมนา “แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2559 ปีวอกจะเฮงหรือไม่” โดยระบุว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะขยายตัวดีขึ้นที่ร้อยละ 2-3 จากปีนี้ที่จะขยายตัวได้ร้อยละ 2.8 ซึ่งต่ำกว่าศักยภาพจริงของประเทศ เนื่องจากประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการปฏิรูปประเทศ ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่รัฐบาลกำหนดไว้จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ประเมินการส่งออกมีทิศทางดีขึ้นเล็กน้อยจากที่ติดลบร้อยละ 5 ในปีนี้เป็นไม่ขยายตัว หรือร้อยละ 0 ในปีหน้า โดยได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าถึง 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อเนื่องจากสิ้นปี 2558 อยู่ที่ 36.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถทางการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดโลก
ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความเสี่ยงด้านการเมือง ซึ่งเมื่อไม่มีความชัดเจน ทำให้เอกชนไม่ตัดสินใจลงทุน ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการปฏิรูปประเทศยังเป็นเพียงแค่ความหวัง หากไม่เกิดการลงมือปฏิบัติจริง
ด้านปัจจัยเสี่ยงต่างประเทศ ได้แก่ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นของสหรัฐฯ โดยคาดการณ์ว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ในเดือนธันวาคม 2558 หลังจากนั้นในปี 2559 จะปรับขึ้นอีก 2 ครั้ง ตามภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งหากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ก็จะมีผลต่อค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ และไทยมีความผันผวน ซึ่งจะต้องติดตามว่าจะมีเม็ดเงินเข้าต่างชาติไหลกลับออกไปมากน้อยแค่ไหน
ส่วนผลกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยภายในประเทศ แม้ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 1.5 ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 1.0-1.5 และต้องการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ