xs
xsm
sm
md
lg

“รวงข้าว” มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปี 59 ที่ 1,600 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ที่ระดับ 15 เท่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายพงศ์พิเชษฐ์ นานานุกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยถึงมุมมองการลงทุนในระยะกลางถึงยาวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้าตลาดหุ้นไทยยังมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีกประมาณ 15.5% จากระดับปัจจุบัน และตั้งเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2559 ไว้ที่ระดับ 1,600 จุด ด้วยอัตราส่วน Forward P/E ที่ระดับ 15 เท่า

โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนในโครงการของภาครัฐที่น่าจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น ภายหลังจากที่มีความล่าช้ามาเกือบปี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อความเชื่อมั่นในการบริโภค และการลงทุนภาคเอกชน ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คือ การติดตามผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของรัฐบาลที่คาดว่าจะเริ่มส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปี 2559 เป็นต้นไป รวมถึงการประมูลคลื่น 4G ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างรวดเร็วจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งคาดว่าน่าจะมีเม็ดเงินลงทุนเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากกว่า 2 แสนล้านบาทขึ้นไป

ขณะที่ปัจจัยบวกภายนอกประเทศยังคงได้รับมาจากสภาพคล่องในระบบการเงินโลกที่ยังอยู่ในระดับสูงจากการดำเนินนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางใหญ่ๆ ของโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน แต่มีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ กรณีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งตอนนี้ตลาดส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดน่าจะมีการเลื่อนปรับขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นปีหน้า รวมถึงการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีน ซึ่งอาจส่งผลทำให้ตลาดมีความผันผวนได้ในระยะสั้น

บลจ.กสิกรไทย จึงแนะนำให้ผู้ลงทุนอาศัยช่วงที่ระดับราคาหุ้นยังมีความน่าสนใจนี้สามารถทยอยเข้าซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเพิ่มเติม เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว พร้อมทั้งการได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย มีกองทุน LTF/RMF หลากหลายนโยบายครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ลงทุน

โดยกองทุนที่แนะนำ และมีผลการดำเนินงานที่น่าสนใจ ได้แก่ กองทุนเปิดเค 20 ซีเล็กต์หุ้นระยะยาวปันผล (K20SLTF) ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นเด่นที่มีศักยภาพสูง ไม่เกิน 20 ตัว และมีผลการดำเนินงาน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2558 โดยให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 2.28% และย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 14.18% ด้านกองทุนเปิดเค 70:30 หุ้นระยะยาวปันผล (K70LTF) ซึ่งจะเน้นลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีไม่เกิน 70% ให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -3.49% และย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ 11.41% โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวสามารถเอาชนะเกณฑ์มาตรฐานดัชนี SET ซึ่งให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ -7.06% และ 10.17% ตามลำดับ

บริษัทยังได้นำเสนอทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นไทย กับกองทุนของ บลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีหลากหลายนโยบายการลงทุน เช่น กองทุนเปิดเค หุ้นทุน (K-EQUITY) ซึ่งมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี โดยกระจายการลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม กองทุนเปิดเค สตาร์หุ้นทุนคืนกำไร (K-STAR) ซึ่งมีนโยบายลงทุนระยะสั้นถึงปานกลางในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีจุดเด่นโดยจะทำการขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อมีกำไรถึงจุดที่กำหนด และกองทุนเปิดเค สตราทีจิค เทรดดิ้ง หุ้นทุน (K-STEQ) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และมีจุดเด่นโดยจะมีการซื้อขายทำกำไรตามจังหวะเวลาที่เหมาะสม และสามารถลงทุนในหุ้นขนาดกลาง และขนาดเล็กบางส่วนเพื่อช่วยสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติม
กำลังโหลดความคิดเห็น