“เพอร์เฟค” เชื่อมาตรการรัฐหนุนอสังหาฯ ไตรมาส 4 โต ชี้ช่วยระบายสต๊อกบ้านในตลาด เผยสต๊อกบ้านสร้างเสร็จ-ระหว่างสร้างเกือบ 10,000 ล้านบาท พร้อมจับมือ 4 แบงก์ใหญ่จัดแคมเปญพิเศษดอกเบี้ย 3% คงที่นาน 30 เดือน ตั้งเป้ายอดขายไตรมาส 4 กว่า 6,000 ล้านบาท เผยเลื่อนเปิด 10 โครงการ ไปปี 59 หลังเศรษฐกิจชะลอตัว ล่าสุด จับมือเอสซีจีเปิดตัว 12 แบบบ้านใหม่ชูนวัตกรรม Eco Cool
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลออกมาตรการอสังหาริมทรัพย์ทั้งการลดภาษี และด้านสินเชื่อ ถือว่าเป็นเรื่องดีมาก อีกทั้งยังไม่กำหนดเพดานราคาบ้านทำให้บ้านทุกเซกเมนต์ได้รับสิทธิประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯ หลังจากนี้เติบโตขึ้นมาก
ส่วนมาตรการด้านการเงินที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ที่ผู้กู้สามารถกู้เงินได้เพิ่มขึ้น วงเงินสินเชื่อเบื้องต้น 10,000 ล้านบาท โดยผู้ที่มีรายได้ 30,000 บาท สามารถกู้ได้ถึง 3 ล้านบาท จากเดิมกู้ได้เพียง 1.8 ล้านบาท, ผู้ที่มีรายได้ 20,000 บาท/เดือน สามารถกู้ได้ 2 ล้านบาท จากเดิม 1.2 ล้านบาท ส่วนรายได้ 10,000 บาท/เดือน สามารถกู้ได้ 1 ล้านบาท จากเดิมเพียง 6 แสนบาท ซึ่งจะช่วยให้กลุ่มลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ เนื่องจากวงเงินกู้ไม่ถึงราคาบ้านที่จะซื้อก็จะสามารถซื้อบ้านได้ โดยคาดว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีเกือบ 50% ของลูกค้าที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อทั้งหมด โดยหลังจากนี้บริษัทจะติดต่อกลุ่มลูกค้าที่เคยจองซื้อบ้านไว้แล้ววงเงินกู้ไม่ถึงให้กลับมาซื้ออีกครั้ง
ทั้งนี้ มาตรการที่ออกมาดังกล่าวจะช่วยระบายสต๊อกสินค้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างก่อสร้างกำหนดแล้วเสร็จภายใน 6 เดือนของผู้ประกอบการออกไปได้มาก โดยเฉพาะกลุ่มบ้านราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ที่ถือเป็นกลุ่มใหญ่ของตลาด และมีสินค้าเหลือขายในตลาดมากที่สุด สำหรับเพอร์เฟคฯ มีสต๊อกสินค้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างก่อสร้างที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หลังจากนี้ราว 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้าน 6,000 ล้านบาท อีก 4,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม
นอกจากมาตรการสนับสนุนทางภาครัฐแล้ว บริษัทยังได้จัดแคมเปญพิเศษด้วยการให้สิทธิพิเศษทางการเงินให้แก่ผู้ซื้อบ้าน และทาวน์เฮาส์ทุกโครงการของบริษัท รวม 30 โครงการ ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3% คงที่นาน 30 เดือน โดยความร่วมมือของ 4 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ออมสิน ธนชาต และยูโอบี ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ซื้อบ้านประหยัดค่าใช้จ่าย โดยจ่ายน้อยกว่าปกติเมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จะต้องผ่อนชำระด้วยอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน 5-6% โดยลูกค้าไม่ต้องกังวลต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยตลอดระยะเวลา 30 เดือน นอกจากนี้ ยังจะมี Cash Back ให้แก่ลูกค้าเพิ่มเติมด้วย โดยแคมเปญดังกล่าวจะเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2558
“แคมเปญพิเศษของบริษัทเมื่อบวกกับมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาฯ ของภาครัฐ เชื่อมั่นว่าจะมีผลผลักดันยอดขายของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ได้ถึง 6,000 ล้านบาท ตามที่วางเอาไว้ โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 8,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อีกทั้งยังเปราะบางจากปัญหาต่างๆ แต่ภายหลังที่รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือธุรกิจเอสเอ็มอี ได้สร้างความเชื่อมั่นให้แก่เอกชน และประชาชนได้มากขึ้น หลังจากนั้น รัฐบาลได้พยายามออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมาตรการช่วยภาคอสังหาฯ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้แนวโน้มเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นจะฟื้นตัวดีขึ้น” นายวงศกรณ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวนับตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา ทำให้บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายยอดขายลดเหลือ 13,500 ล้านบาท จากเดิม 15,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้เลื่อนเปิดโครงการใหม่อีก 10 โครงการ มูลค่าราว 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯ 3 โครงการ และบ้านแนวราบ 7 โครงการ โดยเลื่อนไปเปิดในปีหน้าแทน ส่งผลให้ปีนี้บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่เพียง 14 โครงการ มูลค่าราว 20,000 ล้านบาท จากแผนเดิมที่กำหนดเปิด 24 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะไม่มีการเปิดโครงการใหม่ ส่วนงบซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ประมาณ 2,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังไม่ได้ใช้เนื่องจากยังไม่จำเป็นต้องซื้อที่ดินใหม่
นายวงศกรณ์ กล่าวต่อว่า เนื่องในโอกาสครบรอบ 30 ปีของบริษัทฯ จึงได้มีการเปิดตัวบ้านรุ่นใหม่พร้อมกัน 12 แบบ เพื่อตอบโจทย์ให้ตรงต่อความต้องการของผู้ซื้อบ้านได้ครบในทุกเซกเมนต์ โดยมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 106-530 ตารางเมตร ให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ทั้งรูปแบบ และทำเลที่หลากหลาย ใน 3 โครงการ ประกอบด้วย เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ จำนวน 2 แบบ ขนาด 450 ตารางเมตร และ 530 ตารางเมตร ราคา 25-60 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ และรังสิตโครงการ เพอร์เฟค เพลส จำนวน 5 แบบ ขนาด 147-204 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.19 ล้านบาท ทำเลแจ้งวัฒนะ, ราชพฤกษ์, รัตนาธิเบศร์, รังสิต, รามคำแหง-สุวรรณภูมิ, สุขุมวิท 77-สุวรรณภูมิ และพัฒนาการ-ศรีนครินทร์ และโครงการ เพอร์เฟค พาร์ค จำนวน 5 แบบ ขนาด 106-146 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 3.39 ล้านบาท ทำเล รังสิต, ราชพฤกษ์, สุวรรณภูมิ, บางบัวทอง และพระราม 5-บางใหญ่
แบบบ้านรุ่นใหม่ทั้งหมดพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด “Eco Cool” เพื่อการอยู่อาศัยที่ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การออกแบบโดยคำนึงถึงทิศทางลม ความเย็นสบาย แสงสว่างจากธรรมชาติ ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่ช่วยประหยัดพลังงาน และลดความร้อน เช่น อิฐมวลเบา ฝ้าเชิงชายระบายอากาศ ฝ้ายิปซัมฟอยล์กันความร้อน กระจกตัดแสง หลอดไฟ LED เป็นต้น ซึ่งแนวคิด Eco Concept เป็นเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม
แบบบ้านรุ่นใหม่นี้ออกแบบโดยเน้นให้เหมาะต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้าปัจจุบันที่ชอบความเรียบง่าย ทันสมัย มีจุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชันภายในที่มีพื้นที่ใช้สอยครบถ้วน และให้ความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นภายให้บ้านที่มีพื้นที่กว้าง โปร่งโล่งด้วยเพดานสูง ห้องรับแขก และห้องอาหาร เป็นพื้นที่โล่งกว้างเชื่อมถึงกัน เพิ่มฟังก์ชันพิเศษเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในบ้านขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เช่น ห้องนอนชั้นล่าง ห้องพักผ่อนชั้นบน ส่วนทำงาน สำหรับแบบบ้านขนาดเล็กออกแบบพื้นที่ใช้งานแบบ Flexible Function ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายตามต้องการ ส่วนภายนอกมีการใช้เฉดสีแบบ Natural Scheme ที่กลมกลืนกับธรรมชาติ ตกแต่งเพิ่ม Shading & Temper เพิ่มความหรูหรา อีกทั้งยังช่วยกันแดด และความร้อน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญต่อเทคโนโลยีการอยู่อาศัยที่ทันสมัยมาใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ลูกค้า โดยได้นำนวัตกรรมระบบ Active AIRflow™ จากเอสซีจี มาใช้ในบ้านรุ่นใหม่ จำนวน 4 แบบ โดยนายณรงค์เวทย์ วจนพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายบริการโครงการ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า เอสซีจีมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ได้พัฒนาระบบบ้านภายใต้แนวคิด Cool Comfort Technology เพื่อมุ่งเน้นการสร้างสภาวะอยู่สบาย และคุณภาพอากาศภายในบ้านที่ดี สอดคล้องต่อวิถีการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบันที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน บ้านจึงถูกปิดไว้ทั้งวัน เกิดการสะสมความร้อน เมื่อกลับเข้าบ้านในช่วงเย็นจะรู้สึกอบอ้าว
โดยแนวคิด Cool Comfort Technology นี้ มี 2 องค์ประกอบสำคัญ คือ 1.การออกแบบและเลือกใช้วัสดุก่อสร้างบ้านที่เหมาะสมต่อสภาพอากาศร้อนชื้นของประเทศไทย ได้แก่ การใช้ผนังอิฐมวลเบา และการติดตั้งฉนวนใยแก้วกันความร้อนบนฝ้าเพดานแบบ Low Thermal Bridge Ceiling System เพื่อสร้างกลไกการหน่วงนำความร้อนเข้าสู่ภายในตัวบ้าน พร้อมทั้งการออกแบบ Green Landscape เพื่อเสริมสร้างความร่มรื่นรอบตัวบ้าน
และ 2.การติดตั้งระบบ Active AIRflow™ นวัตกรรมการถ่ายเทอากาศ และระบายความร้อนออกจากตัวบ้าน และโถงหลังคา เร่งกลไกการระบายอากาศ และความร้อนออกจากตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว พร้อมการควบคุมการทำงานผ่าน Smart Mobile Application และที่สำคัญระบบ Active AIRflow™ นี้ ใช้พลังงานสะอาดจาก Solar Cell เป็นพลังงานหลักในการทำงาน ด้วยการทำงานของระบบทั้ง 2 องค์ประกอบร่วมกันนี้ ทำให้บ้านมีอากาศถ่ายเทตลอดเวลา แม้จะปิดบ้านไว้ตลอดทั้งวัน ตัวบ้านไม่อบอ้าว หรืออับชื้น ผู้อยู่อาศัยจะรู้สึกปลอดโปร่ง ทั้งยังช่วยประหยัดพลังงานจากการใช้เครื่องปรับอากาศลงได้ถึง 16-20% (จากการทำ Energy Simulation)