รมว.คลัง เผยที่ประชุม ครม.มีมติต่ออายุการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% เป็นมาตรการถาวร หวังดึงเงินลงทุน พร้อมต่อยอดมาตรการภาษี “เวนเจอร์แคปปิตอล” ดึงต่างชาติกลับมาลงทุนในไทย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้มีการกำหนดให้การปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ 20% เป็นมาตรการถาวรจากเดิมที่จะสิ้นสุดในปีนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจและคลายข้อกังวลให้แก่ภาคธุรกิจ รวมทั้งเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างชาติด้วย แม้ว่าภาษีนิติบุคคลของไทยที่ปรับลดลงแล้วอาจจะยังสูงกว่าบางประเทศในกลุ่มเพื่อนบ้านก็ตาม
พร้อมกันนี้ ครม.ยังมีมติอนุมัติมาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือกิจการร่วมลงทุน (เวนเจอร์แคปปิตอล) โดยให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่อัตรา 20% และภาษีเงินปันผล สำหรับกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเป็นเวลา 10 ปี เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เกิดการร่วมลงทุนของภาคธุรกิจมากขึ้น
ทั้งนี้ กิจการเงินร่วมลงทุนเป้าหมายเพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีการลงทุนของบริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและทรัสต์ ให้ประกอบกิจการเงินร่วมลงทุนให้มากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาตลาดการลงทุนในประเทศไทย และส่งเสริมให้มีการลงทุนในกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลักเป็นฐานในการประกอบกิจการตามประเภทอุตสาหกรรมที่สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กำหนด มีจำนวน 10 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมอาหารและการเกษตร, อุตสาหกรรมเพื่อประหยัดพลังงาน ผลิตพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาด, อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ, อุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข, อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมบริการและอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์, อุตสาหกรรมวัสดุก้าวหน้า, อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับ, อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และ 10.อุตสาหกรรมฐานการวิจัย พัฒนาและนวัตกรรม
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษณ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า มาตรการกิจการร่วมลงทุน จะเป็นกลไกที่เป็นหัวใจต่อธุรกิจที่ตั้งขึ้นใหม่ หรือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งมีปัญหาทุนน้อย หนี้สูง สินเชื่อกู้ไม่ผ่าน มาตรการภาษีจึงเป็นการปลดล็อกตรงนี้ก่อน ในอนาคตอยากให้บริษัทใหญ่ๆ เข้ามาร่วมลงทุนเป็น Coppereat venture คือ มาถือหุ้นในบริษัทเอสเอ็มอีเหมือนประเทศสิงคโปร์ สำหรับมาตรการกิจการยกเว้นภาษีนิติบุคคลเป็นการถาวรจะทำให้ธุรกิจไทยสามารถแข่งขันได้กับประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 ต.ค.2554 ที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และรองรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 จึงได้มีการปรับลดอัตราการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 23% ของกำไรสุทธิ สำหรับบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรอบระยะเวลาบัญชีปี 2555 และหลังจากนั้น ให้มีการลดการจัดเก็บลงเหลืออัตรา 20% ของกำไรสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีปี 2556 ก่อนจะมีการต่ออายุเวลาการลดอัตราภาษีดังกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนั้นได้มีการประเมินว่า การลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าวจะส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลลดลงรวมประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
