“คลัง” เร่งยกระดับการแข่งขันภาคเอกชน หวังเพิ่มอันดับความน่าลงทุนดีขึ้นในปีหน้า

“คลัง” เดินหน้ายกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคเอกชน หวังเพิ่มการจัดอันดับความน่าลงทุนของเวิลด์แบงก์รอบใหม่ ในเดือน ม.ค. ปีหน้า มั่นใจอันดับของไทยน่าจะดีขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 26 จากจำนวน 180 ประเทศ และช่วยสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้กลับคืนมา

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน ได้หารือเกี่ยวกับการค้าการลงทุนของภาคเอกชน เพื่อยกระดับไทยให้ได้รับการจัดอันดับความน่าลงทุนโดยธนาคารโลกดีขึ้นในปีหน้า

ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และ กกร. พบว่า ขณะที่ปัญหาอุปสรรคในการลงทุนของหน่วยงานต่างๆ ได้แก้ไขไปแล้วร้อยละ 70-80 ยังเหลือเพียงร้อยละ 20 ส่วนที่เหลือคาดว่า ต้องใช้เวลาแก้ไข ปรับปรุงกฎระเบียบ

โดยเฉพาะของ 3 กรมจัดเก็บภาษีในสังกัดกระทรวงการคลัง อาจต้องปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้เร็ว และอำนวยความสะดวกให้เอกชนมากขึ้น เช่น การนำระบบการชำระภาษีออนไลน์มาใช้ แผนดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคมนี้

ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงในทุกด้านให้ทันการเข้ามาประเมินจัดอันดับของประเทศไทยรอบใหม่ ในเดือน ม.ค.ปีหน้า จึงหวังว่าอันดับของไทยน่าจะดีขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 26 จากจำนวน 180 ประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนให้กลับคืนมา

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การเร่งดำเนินงานของรัฐบาลในครั้งนี้ จะทำให้อันดับของประเทศไทยขยับดีขึ้นอย่างแน่นอน เพื่ออำนวยการความสะดวกบนการลงทุนและประกอบธุรกิจของภาคเอกชนได้มากขึ้น โดยในอนาคตภาครัฐและเอกชนจะทำงาน และหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกเดือนต่อไป

โดยในเร็วๆ นี้ ทางหน่วยงาน ส.อ.ท. ขอเข้าหารือกับกรมสรรพากรเพื่อให้อำนวยความสะดวกเรื่องของการชำระภาษีบางส่วนที่อาจมีความล่าช้าและเป็นอุปสรรค เช่นกรณีการควบรวมกิจการ เป็นต้น