เอเชียกรีน เอนเนอจี เผยการปรับกลยุทธ์ เน้นลดต้นทุน โฟกัสตลาดในประเทศได้ผล เน้นขยายตลาดในไทย เจาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้พลังงานสูง หนุนยอดขายในประเทศทั้งปีโต 20% จากปีก่อน 3,581 ล้านบาท ด้าน “พนม ควรสถาพร” ประธานกรรมการบริหาร มองผลงานส่งสัญญาณฟื้นตัวได้ในไตรมาส 3/58 หลังการเน้นตลาดในประเทศ และการควบคุมต้นทุนการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชื่อทั้งปีผลการดำเนินงานพลิกกลับมามีกำไร
นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายถ่านหินในประเทศเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มียอดขายถ่านหินในประเทศ ระดับ 3,586 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์เน้นลดต้นทุนทั้งจากต้นทุนการผลิต และการขนส่ง รวมถึงการควบคุณคุณภาพสินค้าอย่างใกล้ชิด
โดยปีนี้บริษัทฯ เน้นตลาดในประเทศเป็นหลัก โดยเจาะกลุ่มผู้ใช้ถ่านหินในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น กลุ่มผู้ประกอบการปูนซีเมนต์ และกลุ่มผู้ประกอบการด้านพลังงานมากขึ้น พร้อมกับการเน้นรักษาฐานกลุ่มลูกค้ารายเดิม ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวส่งผลให้ยอดคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ในประเทศทยอยเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ดี สำหรับยอดขายถ่านหินโดยรวมบริษัทฯ คาดว่าน่ามีการปรับตัวลดลงจากยอดขายของปี 2557 ที่ 3.45 ล้านตัน เนื่องจากการนำเข้าถ่านหินในจีนปรับตัวลดลงในปีนี้
“จากทิศทางราคาถ่านหินที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวในขณะนี้ ทางบริษัทฯ ได้มีการปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ต้นปี โดยมุ่งเน้นการควบคุมต้นทุนการผลิต และต้นทุนการให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้ รวมถึงการควบคุมคุณภาพถ่านหินที่จะส่งมอบให้ลูกค้าให้ตรงตามความต้องการ จะทำให้บริษัทฯ แข่งขันได้ในระยะยาว และทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ยอดขายรวมอาจจะปรับตัวลดลงจากยอดขายต่างประเทศที่หายไปบางส่วน ถือว่าเป็นประหยัดต้นทุนดอกเบี้ยในส่วนของเงินทุนหมุนเวียน โดยบริษัทฯ ให้ความสนใจต่อเรื่องมาร์จิ้นเป็นหลัก” นายพนม กล่าว
ส่วนการส่งออกถ่านหินในต่างประเทศในปีนี้ นายพนม กล่าวยอมรับว่า บริษัทฯ ยังคงมียอดส่งออกต่อเนื่อง เพียงแต่ยอดดีมานด์ในต่างประเทศมีสัดส่วนลดลง เนื่องจากปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว รวมถึงกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำของประเทศจีนปีนี้ผลิตได้ค่อนข้างมาก ส่งผลให้การนำเข้าถ่านหินของประเทศจีนในปีนี้มีการปรับตัวลดลง
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2558 นั้น บริษัทฯ คาดว่าในไตรมาสดังกล่าวจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2558 ที่มีรายได้ 1,001.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 27.99 ล้านบาท และปรับตัวดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2557 ที่มีกำไร 0.32 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับกลยุทธ์ด้านการขาย ประกอบกับบริษัทฯ มีการบริหารความเสี่ยงในด้านลอจิสติกส์ และควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น