ฐานะการคลังภาคสาธารณะ 9 เดือนแรก ปีงบ 58 ขาดดุล 4.36 หมื่นล้านบาท ลดลง 63.9% ย้ำรัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงฐานะการคลังภาคสาธารณะตามระบบ สศค. (รัฐบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และรัฐวิสาหกิจ) โดยระบุว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2558 (ต.ค.57-มิ.ย.58) ขาดดุลการคลังทั้งสิ้น 43,603 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.3 ของ GDP) โดยขาดดุลลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 63.9
ทั้งนี้ ภาคสาธารณะมีรายได้รวม 5,298,975 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 326,184 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.8 สาเหตุสำคัญ เป็นผลจากรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะ บมจ.ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และโรงงานยาสูบ มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการลดลง สำหรับด้านรายจ่ายภาคสาธารณะมีการเบิกจ่ายทั้งสิ้น 5,342,578 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 403,296 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.0 อันเนื่องมาจากรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่มีการเบิกจ่ายลดลง
สำหรับดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงาน และทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมรายได้และรายจ่ายดอกเบี้ย รวมทั้งการชำระคืนต้นเงินกู้) เกินดุล 112,595 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 0.8 ของ GDP)
“รัฐบาลดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลเพื่อสนับสนุนให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน” นายกฤษฎา กล่าว
สำหรับฐานะการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2558 (เม.ย.-มิ.ย.58) มีรายได้ 1,862,977 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 132,368 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.6 และมีรายจ่าย 1,696,298 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 149,337 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1
ทั้งนี้ ดุลการคลังภาคสาธารณะในไตรมาสที่ 3 ของปีงบประมาณ 2558 เกินดุล 166,679 ล้านบาท เกินดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 16,969 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.3 และเมื่อพิจารณาดุลการคลังเบื้องต้นของภาคสาธารณะ (Primary Balance) ซึ่งเป็นดุลการคลังที่สะท้อนถึงผลการดำเนินงาน และทิศทางของนโยบายการคลังอย่างแท้จริง (ไม่รวมดอกเบี้ยรับ และดอกเบี้ยจ่าย รวมทั้งการชำระต้นเงินกู้) เกินดุล 238,101 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.8 ของ GDP