นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขการส่งออกของไทยเดือนกรกฎาคม 2558 ว่า มีมูลค่าการส่งออก 18,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 3.56 จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงเดือนที่ 7 ส่วนการนำเข้าเดือนกรกฎาคม 2558 มีมูลค่า 17,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.73 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไทยเกินดุลการค้าประมาณ 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวและภาพรวมการส่งออกยังคงติดลบ แต่คาดว่าปลายปีจะมีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้ตัวเลขการส่งออกติดลบไม่ถึงร้อยละ 3 ตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการส่งออกเดือนกรกฎาคมลดลงในอัตราชะลอลง เนื่องจากการส่งออกยานยนต์ และส่วนประกอบกลับมาฟื้นตัว ขณะที่สินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมันยังคงมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาน้ำมัน สินค้าเกษตรมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการนำเข้าของตลาดล่าสุดแสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดสำคัญไว้ได้
ส่วนการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าการส่งออก 18,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงร้อยละ 4.66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ รวมถึงคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนยังคงติดลบ ส่วนรถยนต์นั่งในตลาดออสเตรเลีย เม็กซิโก และฟิลิปปินส์ ยังขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 77 ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 8.64 ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 7 เดือนที่ 4,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวและภาพรวมการส่งออกยังคงติดลบ แต่คาดว่าปลายปีจะมีคำสั่งซื้อเข้ามา ทำให้ตัวเลขการส่งออกติดลบไม่ถึงร้อยละ 3 ตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการส่งออกเดือนกรกฎาคมลดลงในอัตราชะลอลง เนื่องจากการส่งออกยานยนต์ และส่วนประกอบกลับมาฟื้นตัว ขณะที่สินค้าเกี่ยวข้องกับน้ำมันยังคงมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาน้ำมัน สินค้าเกษตรมีมูลค่าส่งออกต่ำตามราคาในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ข้อมูลการนำเข้าของตลาดล่าสุดแสดงว่าไทยยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดในตลาดสำคัญไว้ได้
ส่วนการส่งออกในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่าการส่งออก 18,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หดตัวลงร้อยละ 4.66 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีน รวมถึงราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าน้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ รวมถึงคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนยังคงติดลบ ส่วนรถยนต์นั่งในตลาดออสเตรเลีย เม็กซิโก และฟิลิปปินส์ ยังขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 77 ขณะที่การนำเข้าลดลงร้อยละ 8.64 ส่งผลให้มียอดเกินดุลการค้า 7 เดือนที่ 4,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
