“คลัง” เร่งหน่วยงานเบิกจ่ายงบลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมขู่หากดำเนินการล่าช้ายึดงบคืน “อดิศักดิ์” แย้มเตรียมออกมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ หลังพบตัวเลขเริ่มชะลอตัว คาดได้เห็นใน 2 สัปดาห์
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนปีงบประมาณ 2559 วงเงิน 5.4 แสนล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่า หน่วยงานต่างๆ จะทำได้ดีกว่าที่ผ่านมามาก เนื่องจากหน่วยงานต่างๆ ที่มีงบลงทุน ต้องเร่งเบิกจ่าย โดยที่ผ่านมาได้มีการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไว้ล่วงหน้า และเมื่องบประมาณมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ก็จะสามารถเบิกจ่ายได้ทันที
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ผ่อนผันการจัดซื้อจัดจ้างโครงการลงทุนขนาดเล็กมูลค่าไม่เกิน 2 ล้านบาท ให้ใช้วิธีการสอบราคา ซึ่งจะทำให้สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว โดยโครงการลงทุนในปีงบประมาณ 2559 มี 1 แสนโครงการ เป็นโครงการไม่ถึง 2 ล้านบาท ถึง 7 หมื่นโครงการ หรือ ร้อยละ 70 มีเม็ดเงินลงทุน 3 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังยึดหลักพิจารณาตัดงบลงทุน สำหรับหน่วยงานที่ชอบเบิกจ่ายล่าช้า โดยในปีงบประมาณ 2558 รัฐบาลได้ออกกฎหมาย พ.ร.บ. โอนเงินประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ที่เป็นงบลงทุนที่ไม่สามารถดำเนินการได้ทันในไตรมาส 4 จำนวน 8,000 ล้านบาท ไปไว้ในงบกลางเพื่อใช้ในโครงการลงทุนเร่งด่วน และโครงการตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับปีงบประมาณ 2559 อาจจะตัดงบลงทุนที่ดำเนินการล้าช้าเร็วกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะให้เวลาดำเนินการไปครึ่งปี หากดำเนินการไม่ทันไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ ก็จะออก พ.ร.บ. โอนเงินงบประมาณ 2559 โอนงบลงที่ลงทุนล่าช้าไปให้กับโครงการที่มีความพร้อมดำเนินการในโครงการเร่งด่วน และกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดำเนินการได้ทันที
โดยเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2559 วงเงิน 2.7 ล้านล้านบาท ตั้งเป้าเบิกจ่ายได้ 2.6 ล้านล้านบาท หรือ ร้อยละ 96 ในส่วนของงบลงทุนวงเงิน 5.4 แสนล้านบาท ตั้งเป้าเบิกจ่าย 4.7 แสนล้านบาท หรือ ร้อยละ 87
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในกระกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วน โดยระบุว่า ขณะนี้ทางกระทรวงการคลังกำลังดูในส่วนของมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากพบว่า เริ่มมีปัญหาการชะลอตัว โดยจะเห็นมาตรการที่เป็นรูปร่างภายใน 2 สัปดาห์นี้
ทั้งนี้ มาตรการที่จะออกมาครั้งนี้ จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้าง และอสังหาริมทรัพย์ในภาพรวม ซึ่งมาตรการที่ออกมาจะเป็นมาตรการในช่วงสั้นเพื่อเห็นผลเร็ว และในระหว่างนี้ได้กำชับให้ทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. ดูแลในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้กู้ซื้อที่อยู่อาศัย เพราะจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้สถาบันการเงินมีความเข้มงวดกับการปล่อยกู้จนกระทบกับภาคอสังหาริมทรัพย์