xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นซิ่ง vs. TFEX แบบไหนกำไรกว่ากัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นี่เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ผมกับขึ้น Debate กับพี่ซัน (กระทรวง จารุศิระ) ในงาน Roadshow ที่เชียงใหม่ หนึ่งในโปรแกรมการให้ความรู้นักลงทุนทั่วไทย จากโครงการ Supertrader Thailand

จากหัวข้อนี้ ผมว่าถ้าตีความให้ลึกขึ้นมันหมายถึงการเทรดสินค้าที่มี Leverage กับสินค้าไม่มี Leverage มากกว่าเพราะในตลาด TFEX เองก็เทรดได้ทั้งตัว SET50 Future และ Single Stock Future เหมือนกัน  
และจากคำถามนี้ เอาจริงๆ มันตอบไม่ได้หรอกว่าแบบไหนดีกว่ากัน หรือแม้แต่แบบไหนกำไรกว่ากัน สุดท้ายมันอยู่ทีเป้าหมายในการเทรดของเรา แล้วค่อยมาเลือกวิธีการลงทุน

“ถ้าคุณเป็นคนที่มีเวลาจ้องหน้าจอทั้งวัน การดู Ticker และ Bid-offer เพื่อเดย์เทรดอาจเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแต่ถ้าวันนี้ คุณเป็นมนุษย์เงินเดือน การถือเล่นรอบสักสองสามเดือนอาจจะเหมาะต่อบริบทของการใช้ชิวิตมากกว่า”

หรือการที่คุณเข้ามาในตลาดด้วยเงินเริ่มต้นแค่หลักหมื่น หลักแสน การเทรดสินค้าที่สามารถ Leverage ได้ เป็นสิ่งที่จำเป็นในการเพิ่มขนาดฐานเงิน
ผมเอง Success จากการเทรดในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ด้วยการเทรด FUTURE NIKKEI 225 จนได้ผลตอบแทนขนาดสามารถ Retire จากงานประจำออกมาเป็น Freedom Trader ได้แบบสบายๆ เลยเป็นอีกหนึ่งเสียงครับว่า ที่สนับสนุนคำพูดที่ว่า อยากรวยต้องมี LEVERAGE !

“ลองคิดดูถ้าวันนี้คุณกำเงิน 100,000 บาทเข้ามาในตลาด และอยากได้อีกหนึ่งแสนบาท คุณต้องทำเงินอีก 100% ของเงินต้น แต่ถ้าคุณเล่นสินค้าที่มี Leverage เช่น FUTURE, DERIVATIVE WARRANT ที่สามารถเบิ้ลฐานทุนในการเทรดได้อีก 10 เท่า แปลว่าคุณสามารเปลี่ยนฐานทุนหลักแสน แล้วไปเทรดหลักล้านได้เลย และการทำอีก 100,000 ก็คือ อีกแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าถูกทางก็ดีไป แต่ถ้าผิดทางความเสียหายจะคูณสิบเท่าเหมือนกัน!”
ปุณยวีร์ จันทรขจร หัวหน้าโค้ชทีม Ninja Assassin
อย่างไรก็ดี ถ้าหากคุณเล่นสินค้าที่มี Leverage เป็นคุณสามารถออกไปตีเมืองขึ้นนอกบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดค่าเงิน (FOREX) หรือการเล่นกับดัชนีต่างประเทศอย่างดาวโจนส์ ของสหรัฐฯ ฮั่งเส็ง ของฮ่องกง นิกเกอิของญี่ปุ่น การเทรดสินค้าที่มี Leverage เป็นมันคือการเปิดโอกาสให้คุณเข้าไป Challenge ในเวทีระดับโลกมาถึงตรงนี้ก็ต้องมาคุยกันต่อแล้วว่า ภาพที่คุณมองเห็นมันเป็น “โอกาส” หรือ “ความเสี่ยง”

ในภาษาจีน และภาษาญี่ปุ่นมันมีอักษรคันจิที่เขียนว่า 危機 ภาษาจีน อ่านว่า เหว่ยจี ภาษาญี่ปุ่น อ่านว่า คิคิ ซึ่งแปลว่า “อันตราย” เหมือนกัน มาแกะกันทีละตัว เหว่ย หรือ คิ ตัวแรก แปลว่าอันตราย แต่อักษรตัวที่สอง จี หรือ คิ มันแปลว่า “โอกาส” ใช่ครับ ทั้งสองมหาอำนาจของโลกนี้ได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวอักษรเหมือนกันว่า หลังอันตราย หรือหลังวิกฤต คุณอาจพบเจอโอกาสเสมอย้อนมาถามอีกครั้ง..

แล้วคุณล่ะมองสินค้า Leverage เป็น “โอกาส” หรือ “ความเสี่ยง” กันครับ

ปุณยวีร์ จันทรขจร หัวหน้าโค้ชทีม Ninja Assassin
กำลังโหลดความคิดเห็น