“เค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้” เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เก็บกวาดบ้าน กางแผนธุรกิจใหม่เร่งเคลียร์ปัญหาจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม มั่นใจผลงาน Q3 พลิกมีกำไรทันที เดินหน้าลงทุนโครงการใหญ่ รับรู้รายได้เร็ว พลิกโฉมธุรกิจ
นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ หลังจากมีการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยได้มีการวางแผนในการเคลียร์ปัญหา และโครงการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการบริหารงาน รวมถึงการดำเนินแผนในการพลิกฟื้นธุรกิจ ซึ่งในเบื้องต้น อาจจะมีการขายโครงการเก่าที่เป็นปัญหามาตั้งแต่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งไม่สร้างผลประโยชน์ และทำให้บริษัทฯเสียเปรียบ รวมถึงแผนในการเสริมสภาพคล่อง และดำเนินการลดต้นทุนในการบริหารที่ไม่จำเป็นบางส่วนออกไป เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจให้แตกต่างไปจากเดิม
โดยหลังจากที่แผนธุรกิจฉบับใหม่ออกมาเรียบร้อย และสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้วนั้นจะสามารถทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้พลิกกลับมามีผลกำไรสุทธิทันที และผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เราจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการบริหารภายในใหม่เกือบทั้งหมด เพราะหลายโครงการมีปัญหามาตั้งแต่ผู้บริหารเก่าซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน แต่เราเชื่อว่าหลังจากสามารถจัดการปัญหาภายในได้ทั้งหมดจะสามารถลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทนได้ทันที ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจของ KC ให้เข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งได้เริ่มมีการจัดการไปแล้วบางส่วนที่พอจะทำได้ก็จะเห็นตัวเลขที่เป็นบวกทันทีในไตรมาสที่ 3 และจะบวกต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย” นายภัทรภพ กล่าว
นายภัทรภพ อิทธิสัญญากร รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ หลังจากมีการเปลี่ยนกลุ่มผู้ถือหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม โดยได้มีการวางแผนในการเคลียร์ปัญหา และโครงการต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคในการบริหารงาน รวมถึงการดำเนินแผนในการพลิกฟื้นธุรกิจ ซึ่งในเบื้องต้น อาจจะมีการขายโครงการเก่าที่เป็นปัญหามาตั้งแต่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมซึ่งไม่สร้างผลประโยชน์ และทำให้บริษัทฯเสียเปรียบ รวมถึงแผนในการเสริมสภาพคล่อง และดำเนินการลดต้นทุนในการบริหารที่ไม่จำเป็นบางส่วนออกไป เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ในอนาคต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะเปลี่ยนโฉมหน้าของธุรกิจให้แตกต่างไปจากเดิม
โดยหลังจากที่แผนธุรกิจฉบับใหม่ออกมาเรียบร้อย และสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้แล้วนั้นจะสามารถทำให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้พลิกกลับมามีผลกำไรสุทธิทันที และผลประกอบการในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีกำไรสุทธิเติบโตอย่างต่อเนื่อง
“เราจำเป็นที่จะต้องมีการจัดการบริหารภายในใหม่เกือบทั้งหมด เพราะหลายโครงการมีปัญหามาตั้งแต่ผู้บริหารเก่าซึ่งทำให้เป็นอุปสรรคในการดำเนินงาน แต่เราเชื่อว่าหลังจากสามารถจัดการปัญหาภายในได้ทั้งหมดจะสามารถลงทุนในโครงการที่สร้างผลตอบแทนได้ทันที ซึ่งจะเปลี่ยนโฉมหน้าธุรกิจของ KC ให้เข้าสู่ยุคใหม่ ซึ่งได้เริ่มมีการจัดการไปแล้วบางส่วนที่พอจะทำได้ก็จะเห็นตัวเลขที่เป็นบวกทันทีในไตรมาสที่ 3 และจะบวกต่อเนื่องในไตรมาสสุดท้าย” นายภัทรภพ กล่าว