GCAP หั่นเป้ารายได้ปีนี้เหลือทรงตัวจากเดิมคาดโต 15% แต่อัตรากำไรดีขึ้น ส่วนเอ็นพีแอลคาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงจากครึ่งปีแรกที่ 14%
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.จีแคปปิตอล (GCAP) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ในปีนี้ลดลงเหลือใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 186.22 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% หลังจากแนวโน้มของการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้ไม่เติบโตจากปีก่อน ที่มีการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 400 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ความต้องการสินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากในปีนี้เกษตรกรเผชิญกับภาวะภัยแล้ง ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชได้เป็นอย่างดี ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อลดลงตาม ส่วนพอร์ตสินเชื่อรวมในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีพอร์ตยอดสินเชื่อรวม 815 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัท คาดว่า อัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 33% มากกว่าปีก่อนที่ 31% หลังจากบริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เพราะการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงจากครึ่งปีแรกที่ 14% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้เกษตรกรมีรายได้เข้ามา และส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ NPL ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มลดลงจากครึ่งปีแรก ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับ NPL ในปีนี้ให้อยู่ต่ำกว่า 14%
ด้านธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ของบริษัท คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ภายในปลายปีนี้ โดยล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลแล้ว ซึ่งจะใช้ระยะเวลารวมอีกประมาณ 60 วันในการอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจได้ ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในปีนี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้บริหาร
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.จีแคปปิตอล (GCAP) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้ารายได้ในปีนี้ลดลงเหลือใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 186.22 ล้านบาท จากเดิมตั้งเป้ารายได้เติบโต 15% หลังจากแนวโน้มของการปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้ไม่เติบโตจากปีก่อน ที่มีการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 400 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ความต้องการสินเชื่อเครื่องจักรกลทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากในปีนี้เกษตรกรเผชิญกับภาวะภัยแล้ง ทำให้ไม่สามารถปลูกพืชได้เป็นอย่างดี ส่งผลต่อความต้องการสินเชื่อลดลงตาม ส่วนพอร์ตสินเชื่อรวมในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีพอร์ตยอดสินเชื่อรวม 815 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัท คาดว่า อัตรากำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 33% มากกว่าปีก่อนที่ 31% หลังจากบริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลง เพราะการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินทุนที่มีต้นทุนการเงินที่ต่ำลง
ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีแนวโน้มลดลงจากครึ่งปีแรกที่ 14% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงฤดูเก็บเกี่ยว ทำให้เกษตรกรมีรายได้เข้ามา และส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้ NPL ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มลดลงจากครึ่งปีแรก ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับ NPL ในปีนี้ให้อยู่ต่ำกว่า 14%
ด้านธุรกิจสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ของบริษัท คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินงานได้ภายในปลายปีนี้ โดยล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลแล้ว ซึ่งจะใช้ระยะเวลารวมอีกประมาณ 60 วันในการอนุมัติให้ดำเนินธุรกิจได้ ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้มีการกำหนดเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในปีนี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะผู้บริหาร