ทิปโก้แอสฟัลท์ กวาดยอดขายครึ่งแรกของปีนี้ได้ 2.4 พันล้าน หรือเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว จากยอดขายรวมทั้งปี 57 เตรียมขยายกำลังการผลิตยางมะตอยเป็น 50,000 ล้านตัน จาก 30,000 ล้านตันในปัจจุบัน ส่วนต้นปี 59 ขยายไลน์ธุรกิจสู่น้ำมันเครื่อง เน้นขายบริษัทที่เป็นกลุ่มลูกค้าเดิม 200 รายในประเทศอย่างเดียว อีกทั้งยังเร่งขยายกองเรือด้วยการสั่งต่อเรือขนส่งเพิ่มอีก 3 ลำ คาด เริ่มทยอยรับได้ตั้งแต่ปี 2561-2562
นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO กล่าวถึงผลดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2558 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ 18,800 ล้านบาทจากปริมาณการขายยางมะตอย 1.9 ล้านตัน ทั้งนี้ TASCO คาดหมายว่ายอดขายรวมทั้งปีนี้จะอยู่ที่ 2 ล้านตัน และจะขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2.2-2.4 ล้านตัน ในปี 2559 แม้ปริมาณการส่งยางมะตอยในรอบครึ่งแรกของปีนี้จะมีสูงถึง 1.9 ล้านตัน และ TASCO ได้ขายให้แก่ลูกค้าไปจนหมดแล้ว แต่บริษัทยังต้องเตรียมหาสินค้าจากซัปพลายเออร์รายอื่นๆ ต่อไปอีก เนื่องจากยังมีช่วงเวลาที่ TASCO ต้องทำผลประกอบการสำหรับช่วงหลังของปีนี้อีก โดยคาดว่าภาพรวมผลดำเนินงานในไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้นยิ่งกว่านี้ พร้อมทั้งตอกย้ำว่า การเจริญเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้จะอยู่ที่ 10-15%
สำหรับกำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2558 จะอยู่ที่ 18.6% และ 13.3% ตามลำดับ โดยตัวเลขกำไรสุทธิรวมครึ่งแรกของปีจะอยู่ที่ 2,400 บาท หรือเติบโตขึ้นเป็น 1 เท่าตัว เมื่อเทียบกำไรสุทธิเมื่อสิ้นปี 2557 ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความต้องการยางมะตอยที่เพิ่มขี้นอย่างมากทั้งใน และต่างประเทศ รวมถึงบริษัทฯ ได้มีข้อตกลงจากการเจรจาเพื่อปรับสูตรคำนวณราคาน้ำมันจากผู้ส่งน้ำมันดิบในเวเนซุเอลา โดยจะมีตัวเลขส่วนลดในราคาที่แน่นอนจากการขึ้นลงของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อีกทั้งราคาขายยางมะตอยนั้นไม่ได้อิงกับราคาน้ำมันในตลาดโลกทั้ง 100% แต่จะอิงกับความต้องการใช้ และปริมาณการผลิตยางมะตอยเป็นหลัก ดังนั้น ราคายางมะตอยจึงยังคงทรงตัว และไม่ลดลงอย่างรวดเร็วอย่างเช่นราคาน้ำมันดิบ
ส่วนการขยายธุรกิจใหม่ๆ บนฐานโรงกลั่นน้ำมันของ TASCO สำหรับปี 2559 นั้น ชัยวัฒน์ บอกว่าเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญากับบริษัท SK Energy เพื่อแต่งตั้งให้ TASCO เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำมันเครื่องให้แก่กลุ่มบริษัทที่เป็นลูกค้าภายในประเทศของ TASCO ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 200 บริษัท โดยจะเริ่มได้ในต้นปี 2559
อย่างไรก็ตาม TASCO ยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตโรงกลั่นน้ำมันให้เป็นยางมะตอยในประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 30,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 5 หมื่นบาร์เรลต่อวัน โดยกรรมการผู้จัดการ TASCO คาดว่าการขยายกำลังการผลิตนี้จะเสร็จสิ้นได้ในปี 2562 ขณะที่ปัจจุบันอัตราการใช้กำลังการผลิตบริษัทฯ จะอยู่ที่ราว 90%
ส่วนแผนลงทุนเพื่อต่อเรือขนส่งยางมะตอยนั้น อยู่ระหว่างสั่งต่อเรือใหม่เป็นจำนวน 3 ลำ โดยแบ่งเป็นเรือขนส่งที่มีขนาด 10,000 ตัน จำนวน 1 ลำ มูลค่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถรับเรือใหม่เข้ามาได้ในปี 2561 ส่วนการสั่งต่อเรือขนส่งลำใหม่อีก 2 ลำ ซึ่งมีขนาด 4,000-5,000 ตันนั้น จะมีมูลค่าลำละ 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าน่าจะทยอยรับได้ในปี 2561-2562 เรือขนส่งลำใหม่ทั้ง 3 ลำดังกล่าวจะทำให้ TASCO มีจำนวนเรือเพิ่มขึ้นจาก 9 ลำในปัจจุบันที่บริษัทเป็นเจ้าของเรืองเอง ส่วนอีก 3 ลำนั้นจะเป็นเรือขนส่งยางมะตอยที่บริษัทฯ จำเป็นต้องเช่ามา
ส่วนวัตถุประสงค์ของแผนลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตของโรงกลั่นในมาเลเซีย และแผนเพิ่มจำนวนกองเรือใหม่นั้น เพื่อรองรับแผนธุรกิจในระยะยาวถึงปี 63 ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายต้องขยายฐานลูกค้าไปยังประเทศที่อยู่นอกกลุ่มประเทศในกลุ่มเอเชีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงกลุ่มประเทศในเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นฐานลูกค้าในปัจจุบันของ TASCO เพราะต้องยกสถานะของบริษัทที่ธุรกิจยางมะตอยให้ขึ้นสู่ระดับโลก ซึ่งจะสรุปแผนดังกล่าวนี้ได้ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้