xs
xsm
sm
md
lg

TASCO บุกตลาดยางมะตอยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเต็มเหนี่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ทิปโก้ แอสฟัลท์ เดินหน้าบุกตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเต็มสูบ!!! หลังรัฐบาลแต่ละประเทศประกาศโรดแมปขยายถนน รองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) “ชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์” มั่นใจยอดขายในปี 58 ทำสถิติสูงสุดใหม่ แถมยังได้แรงหนุนจากพันธมิตรจากเกาหลี หลังผนึกกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสิงคโปร์ค้าขายยางมะตอย เป้ายอดขายปีนี้โต 15-20% นอนมา โรงงานพร้อม ระบบลอจิสติกส์ทั้งทางเรือ รถยนต์ พร้อมเสิร์ฟลูกค้าได้ทันตามออเดอร์ที่มีเข้ามาอย่างเทน้ำเทท่า

นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) (TASCO) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประกาศโรดแมปการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้วยการสร้างถนน เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณการค้าขายที่จะเพิ่มมากขึ้น ภายหลังเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่จะมีขึ้นในปลายปี 2558 โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยหัวใจสำคัญของการเติบโตในตลาดต่างประเทศนั้นอยู่ที่การจัดส่งยางมะตอยได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีเรือขนส่ง 11 ลำ เป็นของบริษัท 7 ลำ ของพันธมิตร 2 ลำ และเช่า 2 ลำ ด้านราคาขายยางมะตอยในตลาดต่างประเทศยังคงสดใส หลังจากปัจจุบันเกิดปัญหาขาดแคลนเรือขนส่งยางมะตอยในการจัดส่งสินค้า

นอกจากนี้ บริษัท Asia Bitumen Trading Pte Ltd (ABT) ซึงเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง TASCO และ SK Energy พันธมิตรยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลี ก็เริ่มมีการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/58 และจะเริ่มมีกำไรทันที ซึ่ง SK Energy ถือเป็นบริษัทปิโตรเลียมรายใหญ่สุดในเกาหลีใต้ มีกำลังการกลั่นน้ำมันดิบ 1.115 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทั้งยังเป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย ด้วยกำลังการผลิตมากกว่า 3 ล้านตันต่อปี ขณะที่ TASCO มีกำลังการผลิตของโรงกลั่นอยู่ที่ 30,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่อันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ค้ายางมะตอยรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังจัดซื้อยางมะตอยจากโรงกลั่นอื่นๆ ในภูมิภาคเพื่อส่งไปขายลูกค้าต่างประเทศอีกด้วย

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า การรวมตัวของ 2 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ตลาดยางมะตอยในภูมิภาคเชียแปซิฟิก ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น และทำให้คู่ค้ายางมะตอยมั่นใจได้ว่าจะสามารถส่งมอบยางมะตอยได้ตามคำสั่งซื้อที่มีเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าดีมานด์ยางมะตอยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในขณะนี้ จำนวนเรือยางมะตอยจะยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการไปอีกอย่างน้อย 2 ปี จนกว่าเรือที่อยู่ระหว่างการต่อใหม่จะเข้าสู่ระบบ และไม่มีกำลังการผลิตยางมะตอยใหม่ในเอเชีย เนื่องจากโรงกลั่นส่วนมากเลือกที่จะอัปเกรดโรงกลั่นแทนที่จะขยายกำลังการผลิต และถ้าหากจะมีโรงกลั่นใหม่เกิดขึ้นในเอเชียอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีในการก่อสร้าง

“ผมมั่นใจว่าแนวโน้มยอดขายของ TASCO จะทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 2.03 ล้านตัน เพราะยอดขายส่วนใหญ่ของ TASCO มาจากตลาดต่างประเทศ ยิ่งรัฐบาลในหลายประเทศมีการประกาศโรดแมปขยายเส้นทางเพื่อรองรับการขนส่งในตลาดเออีซี ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ดีมานด์ยางมะตอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก” นายชัยวัฒน์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทตั้งงบลงทุนรวม 1,500 ล้านบาท ในปีนี้เพื่อปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ โดยเฉพาะที่โรงกลั่น พร้อมทั้งสั่งซื้อเรือลำใหม่ 1 ลำ ขนาด 10,000 ตัน ซึ่งเป็นหนึ่งในเรือที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน เพื่อรองรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ โดยปัจจุบันมีเรือขนส่ง 11 ลำ เป็นของบริษัท 7 ลำ ของพันธมิตร 2 ลำ และเช่า 2 ลำ นอกจากนี้ จะซื้อรถขนส่งเพิ่มอีก 50 คัน รวมเป็น 320 คัน เพื่อขยายตลาดในประเทศตามยอดขายที่เติบโตขึ้น

สำหรับแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/58 ประมาณ 10-15% ขณะที่ในไตรมาส 3/58 ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่มีการเติบโตสูงสุด (ไฮซีซัน) คาดว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 1/58 ประมาณ 20% ซึ่งเป็นไปตามความต้องการทั้งจากภายในประเทศ และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง


กำลังโหลดความคิดเห็น