xs
xsm
sm
md
lg

เอดีบีจ่อปรับลดจีดีพีไทย-เตือนรับบาทป่วน-จับตาวิกฤตมาเลย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอดีบีเตรียมปรับลดจีดีพีต่ำกว่า 2.9% หลังครึ่งปีแรกโงหัวไม่ขึ้น เตือนรับเงินทุนผันผวนจากผลประชุมเฟด ด้านกสิกรไทยคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย ค่าบาทปีหน้าอาจแตะ 38 ห่วงวิกฤตเศรษฐกิจมาเลย์ลาม

นางสาวลัษมณ อรรถาพิช เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สำนักงานผู้แทนประจำประเทศไทย กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มุ่งเน้นอัดฉีดเงินให้กับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยนั้น น่าจะส่งผ่านมาถึงระบบเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ในช่วงต้นปีหน้า ส่วนการเสริมภาพคล่องให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) จะใช้เวลานานกว่า จึงน่าจะเห็นผลได้ในกลางปีหน้า

“คงยังไม่สามารถประเมินได้ว่า มาตรการนี้จะช่วยเพิ่มจีดีพีได้เท่าไหร่ แต่ถือว่าเป็นมาตรการที่จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ และการส่งเงินเข้าในกลุ่มผู้รายได้น้อยก็จะทำให้มีเงินหมุนหลายรอบกว่ากลุ่มอื่นๆ จึงน่าจะมีผลต่อเนื่องไปได้อีกระยะหนึ่งด้วย ซึ่งทางเอดีบีก็อยู่ระหว่างการทบทวนจีดีพีปีนี้ ที่จะเป็นการปรับลดลงจากเดิมที่คาดการณ์ว่าโต 2.9% รวมถึงการส่งออกที่คาดว่าจะติดลบ จากเดิมที่ทรงตัว ส่วนจีดีพีปีหน้ายังคงไว้ที่ 4.1%”

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ ไม่ว่าผลจะออกมาว่าคง หรือขึ้นดอกเบี้ยเฟด ฟันด์ เรต ก็น่าจะทำให้เงินทุนไหลเข้า-ออกผันผวนอยู่ในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในภูมิภาคนี้รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานของไทยที่ยังแข็งแกร่ง ดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุล เงินสำรองยังอยู่ในระดับสูง การอ่อนค่าของเงินบาทจึงเป็นไปตามภูมิภาคไม่มีนัยให้น่าเป็นห่วงเหมือนกรณีของมาเลเซีย เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สามารถรับมือได้อยู่แล้ว

บาทยังอ่อน-จับตามาเลย์

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารกลุ่มงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางเงินบาทที่อ่อนค่าลงค่อนข้างเร็วในช่วงนี้ เป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ส่งผลกระทบที่มากกว่าที่คาดการณ์กันไว้ โดยเฉพาะการลดค่าเงินหยวนของจีน

นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยที่จะส่งผลในช่วงนี้ก็คือการประชุมของเฟดในกลางเดือนนี้ ซึ่งธนาคารกสิกรไทยคาดการณ์ว่า เฟดน่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ การว่างงานลดลง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงเป็นจังหวะที่เฟดจะลดการผ่อนคลายด้านนโยบายได้ แต่คงจะเพิ่มขึ้นสลับกับคงดอกเบี้ย โดยคาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งใน 12 เดือนข้างหน้า จากการประชุม 8 ครั้ง

“ในการประชุมของเฟดครั้งนี้ มีการคาดการณ์ที่ต่างกันไป โดยหากดูผลสำรวจแล้วมีฝั่งที่คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 28-30% เท่านั้น ดังนั้น หากผลที่ออกมาตามที่เราคาด คือ ขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะเกิดความผันผวนขึ้นได้ ตรงนี้ก็เป็นจุดที่ต้องระมัดระวังด้วย”

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามองเป็นกรณีของวิกฤตเศรษฐกิจมาเลเซียซึ่งหากยังไม่สามารถจัดการดูแลได้ก็อาจจะลามไปเป็นปัญหาของภูมิภาคได้ ซึ่งที่ผ่านมา ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียอ่อนค่าลงเกือบ 20% แล้ว

ส่วนค่าเงินบาทนั้น คงจะอยู่ในทิศทางที่อ่อนค่าลง โดยธนาคารคาดการณ์เงินบาทสิ้นปีนี้ที่ระดับ 36.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และที่ 38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า ตามค่าเงินในภูมิภาค โดยเฉพาะเงินหยวนที่คาดว่าจะอ่อนลงอีก 4.4% ใน 12 เดือน เงินบาทที่อ่อนค่าจะช่วยพยุงการส่งออก และส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ในช่วงที่เรายังพึ่งพาการลงทุน และการบริโภคไม่ได้มากนักจนกว่าจะมีการเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น