xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต. เร่งแก้ปัญหาโบรกฯ เกรงใจลูกค้ารายใหญ่ เผย บจ.ไทยแชมป์ธรรมาภิบาลของอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บริษัทจดทะเบียนไทยครองความเป็นผู้นำในด้านพัฒนาการปฏิบัติทางด้านการกำกับดูแลกิจการตามมาตรฐาน ASEAN 3 ปีซ้อน อีกทั้งได้แสดงถึงพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดอีกด้วยการติด top 50 ถึง 27 บริษัท และติด top 5 ถึง 2 บริษัท ส่วนความคืบหน้าปมโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ ก.ล.ต.ขอเวลาอีก 1 เดือน ได้ผลสรุปแน่ พร้อมหารือสมาคมโบรกฯ แก้ปัญหาเกรงใจลูกค้ารายใหญ่ แล้วทำการแทน

นายบัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือ IOD เปิดเผยผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยตามโครงการ ASEAN CG Scorecard ประจำปี 2557 ว่า บริษัทจดทะเบียนไทยยังสามารถพัฒนาการปฏิบัติทางด้านการกำกับดูแลกิจการตามมาตรฐาน ASEAN ได้เป็นอย่างดี และยังครองสถานะความเป็นผู้นำในภูมิภาค ซึ่งจากการจัดอันดับคะแนนของบริษัทจดทะเบียนในภูมิภาคอาเซียนที่ทำการสำรวจในโครงการปี 2557 จำนวน 550 บริษัท จาก 6 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และฟิลิปปีนส์ พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยติดอันดับ TOP 5 ถึง 2 แห่ง และมีจำนวนบริษัทที่ติดอันดับ TOP 50 มากถึง 24 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2556 จำนวน 6 บริษัท

“เรากำลังดำเนินการสำรวจพัฒนาการปฏิบัติทางด้านการกำกับดูแลกิจการ ประจำปี 2558 ต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ผลการสำรวจออกมาล่าช้า เพื่อให้เราสามารถเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่ติด top 5 ได้อย่างภาคภูมิใจ ทั้งนี้ ยอมรับว่าผลการดำวิจัยออกมาช้าเพราะปี 57 เราเริ่มทำงานเดือนพฤษภาคม กว่ารายงานประจำปีของบริษัทจดทะเบียนจะออกมายิ่งทำให้งานช้าออกไปอีก ปี 2558 นี้เราถึงเริ่มงานเลย” นายบัณฑิต กล่าว

สำหรับผลสำรวจเฉพาะบริษัทจดทะเบียนไทยที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุด 100 อันดับแรก ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 และเป็นบริษัทที่มีการเผยแพร่รายงานประจำปีฉบับภาษาอังกฤษบนเว็บไซต์ของบริษัทนั้น พบว่า ได้รับคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 84.53 คะแนน ซึ่งสูงกว่าปี 2556 ที่มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 75.39 คะแนน โดยผลคะแนนเฉลี่ยรายหมวดสูงกว่าปีที่ผ่านมาทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดการคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย และหมวดความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เป็น 2 หมวดที่ได้รับผลคะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ เพิ่มขึ้น 31% และ 25% ตามลำดับ

ด้าน นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผลการสำรวจนี้แสดงให้เห็นถึงพัฒนาอย่างก้าวกระโดดด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งเป็นหน้าที่หนึ่งของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสร้างความตระหนัก ให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อนำไปปฏิบัติแก่กรรมการ และผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนให้เติบโตอย่างมีคุณภาพในทุกมิติ ครอบคลุมประเด็นสังคม สิ่งแวดล้อม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, Governance : ESG) เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โครงการ ASEAN CG Scorecard จะสร้างความโดดเด่น และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของบริษัทจดทะเบียนไทยในระดับสากล ส่งผลต่อความแข็งแกร่งให้ตลาดทุนไทย และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่ความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างความร่วมมือของตลาดทุนอาเซียนในอนาคต

นายรพี สุจริตกุล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวแสดงความเชื่อมั่นว่า การประเมินนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และทำให้สินค้าตลาดทุนอาเซียนเป็น asset class ที่น่าสนใจ และเป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการคัดกรองบริษัทที่มีการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อให้ผู้ลงทุนใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ง่ายขึ้น สิ่งที่ ก.ล.ต.ถือว่าเป็นความสำเร็จของโครงการนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกฝ่าย คือ บริษัทจดทะเบียนไทยยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน และยังคงมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดทุนไทยเป็นที่ยอมรับในเวทีสากล และส่งเสริมให้หุ้นไทยเป็นหลักทรัพย์ ASEAN ที่น่าลงทุนต่อไป

ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบกรณีการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างหมื่นล้าน ที่ส่งมอบให้แก่หญิงสาว 2 คน ก่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท เลขาธิการ ก.ล.ต.มั่นใจว่าภายใน 1 เดือน จะมีผลสรุปผล ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ขอข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่เกี่ยวข้อง เช่น บล.เออีซี มาพอสมควรแล้ว

โดย ก.ล.ต.จะนำข้อมูลทั้งหมดมาประเมินทั้งในด้านความถูกต้องของระบบการทำธุรกรรม รวมถึงการทำหน้าที่ของบุคลากรในองค์กรของ บล.ที่เกี่ยวข้องด้วยว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ หลังจากนั้น จะนำข้อมูลทั้งหมดมาสรุป และส่งไปให้ บล.ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ชี้แจงในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ บล.ได้มีโอกาสชี้แจง และ ก.ล.ต.จะประเมินว่าที่ชี้แจงมาฟังขึ้นหรือไม่ ถ้าฟังไม่ขึ้นคงผลสรุปไว้ตามที่แจ้ง

ขณะเดียวกัน ก.ล.ต.จะหารือเพิ่มเติมกับสมาคม บล.ไทย เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า เกิดกรณีโบรกฯ บางแห่งเกรงใจลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งมักเป็นกลุ่มนักลงทุน หรือนักธุรกิจที่ไม่มีเวลามากนัก จึงทำให้บางครั้งไม่ได้ทำตามขั้นตอนตามระบบของการทำธุรกรรมต่างๆ ที่วางไว้ ซึ่งจะต้องมีการหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น