เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หงอยรายได้ กำไรต่ำกว่าเป้าประเมิน เหตุวอลุ่มเทรดจากวิกฤตเศรษฐกิจทั้งใน และต่างประเทศรุมกระหน่ำ ซ้ำร้ายมาร์เกตแชร์ดิ่งเหวเหลือ 1.87% จากกลยุทธ์ปาดหน้าคอมมิชชัน ประธานบอร์ดไม่หวั่นยังเชื่อมั่นนักลงทุนเน้นคุณภาพมากกว่าราคา เผยเป้าเข็น บจ.ลงสนาม IPO อย่างน้อย 2 ราย จากทั้งหมด 24 บริษัท ส่วนที่เหลือจะเข้าเทรดในปีถัดไป
นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ ASP กล่าวว่า ประมาณการรายได้ และกำไรสุทธิคาดว่าจะต่ำกว่ากว่าเป้าประเมินที่ตั้งไว้ในปีนี้ที่จะเติบโตที่ 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,767.96 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 827.88 ล้านบาท ส่วนหนึ่งของผลกระทบมาจากการที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้ปริมาณการซื้อขายปรับตัวลดลงตามาไปด้วยอย่างมาก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ปรับลดประมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปีนี้คาดว่าจะไม่ถึง 40,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 45,000 ล้านบาท
“บริษัทฯ ไม่มีนโยบายแข่งขันด้านราคาค่าคอมมิชชัน แต่จะเน้นในด้านการให้บริการข้อมูล บทวิเคราะห์ที่มีคุณภาพมากกว่า ซึ่งล่าสุด บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการจำกัดบทวิเคราะห์ของบริษัทฯ เฉพาะบุคคลที่เป็นสมาชิกเท่านั้น โดยหลังจากเริ่มโครงการดังกล่าวเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่า ได้มีนักลงทุนเข้ามาเปิดบัญชีกับบริษัทฯ ถึง 70 ราย และคาดว่าจะเพิ่มปริมาณขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนว่านักลงทุนให้ความสนใจต่อบริการด้านบทวิเคราะห์ของบริษัทฯ โดยจะพัฒนามาตรฐานให้ดีขึ้น ขณะที่ในส่วนของอัตราค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ หรือค่าคอมมิชชันของบริษัทเฉลี่ยอยู่ที่ 0.1880% สูงกว่าอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ซึ่งอยู่ที่ 0.1317%”
ขณะที่ในส่วนของปัญหาด้านการกำหนดราคาค่าคอมมิชชันเพื่อแข่งขันในการดึงลูกค้าของอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ที่มีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทฯ ในปัจจุบันปรับตัวลดลงเหลือ 1.87% จากเดิมซึ่งอยู่ที่ระดับ 3.86% ในปีที่แล้วหรือลดลงมาจากอันดับที่ 10 มาอยู่ในอันดับที่ 26
นอกจากนี้ ในส่วนของด้านงานวาณิชธนกิจปัจจุบันบริษัทฯ มีเจรจางานในมือทั้งสิ้น จำนวน 39 รายการ แบ่งเป็นงานที่ปรึกษาทางการเงินด้านการเข้าลงทุน หรือเข้าซื้อกิจการ หรือ M&A จำนวน 15 รายการ งานด้าน IPO จำนวน 24 บริษัท โดยเตรียมที่จะเข้าซื้อขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไปในปีนี้ 2 บริษัท ได้แก่ บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN และ เจเอเอส แอสเซ็ท หรือ J ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยเข้าจดทะเบียนในปีถัดๆ ไป
