เผยดีมานด์สำนักงานเช่าเกรดเอย่านสุขุมวิท-ทองหล่อ ขยายตัวสูง อัตราเข้าใช้พื้นที่สูงกว่า 90-95% ขณะที่ซัปพลายใหม่เข้าตลาดยังไม่มี ล่าสุด “ฟิโก้ฯ” เตรียมเปิดตัว เมโทรโพลิศ สุขุมวิท 39 รับดีมานด์ใหม่ แจงมียอดทำสัญญาเช่าพื้นที่แล้ว 35% มั่นใจ 6 เดือนข้างหน้ายอดจองพื้นที่เต็ม 100% พร้อมเตรียมปรับขึ้นค่าเช่าเป็น 900-950 บาทต่อ ตร.ม. หลังช่วงพรีเซล แย้มสนซื้อสินทรัพย์ยุโรป เหตุเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นสินทรัพย์ราคาถูก ดอกเบี้ยต่ำ ถือเป็นโอกาสดีในการลงทุน
นายกฤษน์ ศรีชวาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟิโก้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันความต้องการออฟฟิศเช่าเกรดเอในย่านในกลางเมืองยังขยายตัวดีต่อเนื่อง โดยในพื้นที่สุขุมวิทซอยต้น ถึงซอยทองหล่อ ยังเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการพื้นที่ออฟฟิศเช่าสูง ขณะที่ในย่านดังกล่าวมีซัปพลายออฟฟิศเช่าอยู่เพียง 100,000 ตารางเมตร (ตร.ม.) ขณะที่มีอัตราการเข้าใช้พื้นที่ออฟฟิศเช่าในย่านดังกล่าวอยู่ที่ 90-95% และไม่มีซัปพลายใหม่เข้ามาในตลาดนานแล้ว แต่ดีมานด์ใหม่กลับมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ซัปพลายในย่านสุขุมวิทยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ล่าสุด บริษัทเตรียมเปิดให้บริการโครงการเมโทรโพลิศ อาคารสำนักงานหรูที่สุดในกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่ติดบนถนนสุขุมวิท ติดปากซอยสุขุมวิท 39 สูง 21 ชั้น พื้นที่ 26,000 ตารางเมตร มูลค่าลงทุน 1,300 ล้านบาท โดยคาดว่าในเดือน พ.ย.นี้ จะเริ่มเปิดให้บริการได้ ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีผู้ทำสัญญาเช่าแล้ว 35% โดยลูกค้าหลัก 60% เป็นบริษัทในเอเชียที่ร่วมทุกับไทย อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 6 เดือนข้างหน้าจะเต็ม 100% โดยมีต่างชาติถึง 40% เนื่องจากตั้งแต่ย่านสุขุมวิทถึงทองหล่อไม่มีอาคารสำนักงานเปิดใหม่เลย ทำให้มีความต้องการมากกว่าซัปพลาย สำหรับอัตราค่าเช่าพื้นที่โครงการเมโทรโพลิศ ในช่วงช่วงพรีเซล อยู่ที่ 850 บาทต่อ ตร.ม. แต่หลังจากนั้น จะปรับขึ้นเป็น 900-950 บาท ส่วนพื้นที่ค้าปลีกมีค่าเช่า 1,200 บาทต่อ ตร.ม.
“บริษัทมีแผนพัฒนาบูติกเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ สำหรับลูกค้าระดับสูงในย่านทองหล่อ นับเป็นการลงทุนสร้างเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์แห่งแรกของบริษัทด้วย เช่นเดียวกับโครงการบ้านหรูเพียง 8 หลัง ย่านเอกมัย ราคาเริ่มต้นหลังละ 35.99 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะแล้วเสร็จปี 59 และจะทำให้บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม ร้านค้าปลีกถึง 70% ส่วนอีก 30% มาจากการผลิต การค้า แฟชั่น ร้านอาหาร และอื่นๆ”
นายกฤษน์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะขยายการลงทุนไปในต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะการซื้อสินทรัพย์ในสหภาพยุโรป เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นทำให้สินทรัพย์มีราคาถูก และอัตราดอกเบี้ยต่ำ จึงถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในการขยายการลงทุน โดยขณะนี้กำลังเจรจาซื้อธุรกิจอยู่ 2 ราย ในธุรกิจบริการ ส่วนในประเทศไทยนั้นยังคงเน้นการลงทุนด้วยตัวเองเป็นหลัก เพราะยังมีรายได้ดี โดยปี 57 ที่ผ่านมา รายได้เพิ่มขึ้น 5% ส่วนในปีนี้คาดว่ามีรายได้เติบโตจากปีก่อนหน้าไม่ต่ำกว่า 10% โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้เติบโตที่ 14% อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3-4 เดือนที่เหลือของปีนี้ต้องจับตาดูสภาวะตลาดอีกครั้งว่าจะมีทิศทางอย่างไร จากเดิมคาดว่าไตรมาสสุดท้ายนี้จะดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ