xs
xsm
sm
md
lg

เอ็ม.ซี.เอส สตีล แจง “นิปปอน สตีล” ไฟไหม้ไม่กระทบธุรกิจ Q3 ผลงานสดใส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เอ็ม.ซี.เอส สตีล แจงเหตุไฟไหม้โรงงานเหล็ก นิปปอน สตีล ญี่ปุ่น ไม่กระทบการจัดหาวัตถุดิบเหล็ก ผู้บริหารการันตียังคงเดินหน้าทำงานเต็มที่ พร้อมส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 3/58 ผลประกอบการดีเกินคาด ผลดีจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่อ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 29.50 บาทต่อ 100 เยน ดีขึ้นเมื่่อเทียบกับไตรมาส 2 หรือ 10% ในระยะสั้น พร้อมทยอยรับรู้รายได้งานต่อเนื่องจากงานในมือที่มีอยู่ถึง 2 แสนกว่าตัน และเตรียมประมูลงานใหม่อีกเพียบ หนุนผลงานทั้งปีโตตามเป้า 10,000 ล้านเยน

นายไนยวน ชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอ็ม.ซี.เอส สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS เปิดเผยว่า จากกรณีเกี่ยวกับเหตุเพลิงไหม้โกดังของนิปปอน สตีล ที่เมืองคาวาซากิ ประเทศญี่ปุ่นนั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อการจัดหาวัตถุดิบเหล็กของบริษัทแต่อย่างใด เพราะบริษัทมีการจัดซื้อหาวัตถุดิบเหล็กจากนิปปอน สตีลเพียงส่วนน้อยมาก และโกดังดังกล่าวเป็นโกดังเก่าที่ไม่มีการใช้งานแล้ว

ทั้งนี้ การจัดซื้อวัตถุดิบเหล็กของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมามีการสั่งซื้อจากผู้ประกอบการเหล็กในประเทศญี่ปุ่นหลักๆ คือ JFE Steel Corporation เกือบ 70% ส่วนที่เหลือซื้อจาก POSCO (ประเทศเกาหลี) หรือจากผู้ประกอบการเหล็กในประเทศจีน ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาแต่ละช่วงเวลาว่าที่ไหนได้ราคาดีที่สุด โดยในส่วนนิปปอน สตีล บริษัทมีการจัดซื้อหาวัตถุดิบเหล็กไม่เกิน 1% ของปริมาณน้ำหนักเหล็กในการนำเข้าแต่ละปี

“บริษัทยืนยันว่าเหตุการณ์ไฟไหม้โกดัง “นิปปอน สตีล” ในครั้งนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการจัดหาวัตถุดิบเหล็กเพื่อนำมาผลิตเหล็กของบริษัทอย่างแน่นอน และปัจจุบันทางผู้บริหารของบริษัทยังคงเดินหน้าเจรจาธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีข่าวดีให้แก่บริษัทอย่างต่อเนื่อง” ดร.ชิ กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีการผลิตต่อเนื่อง โดยโรงงานที่อยุธยามีกำลังผลิตประมาณ 70,000 ตันต่อปี และในปีนี้คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 40,000-45,000 ตัน ซึ่งบริษัทฯ จะต้องสำรองไว้ในส่วนของการแก้ไข หรือปรับเปลี่ยนงานตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีงานในมือแล้ว 200,000 กว่าตัน ซึ่งงานดังกล่าวจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2562 และคาดว่าจะมีงานใหม่ๆ เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งงานในมือที่รับมานี้ไม่รวมโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทในญี่ปุ่น เช่น งาน Olympic ในปี 2563

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2558 มองว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นจากการทยอยส่งมอบงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2558 โดยค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 27 บาทต่อ 100 เยน และล่าสุด ณ วันนี้ (25 ส.ค.) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 29.50 บาท ต่อ 100 เยน

ดังนั้น จึงอยากให้นักลงทุนมันใจว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะระดับที่ 10,000 ล้านเยน จากมูลค่างานในมือที่มีอยู่ 2 แสนกว่าตัน และยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ๆ มูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
 
โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกของปีนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยมีรายได้รวม 1,768.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384.08% และกำไรสุทธิ 344.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,947.14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากความต้องการใช้เหล็กโครงสร้างในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และสินค้าส่วนใหญ่มีมาร์จิ้นสูง เพราะเป็นงานที่มีการกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนทำให้ขายได้ราคาดี

กำลังโหลดความคิดเห็น