บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี เปิดแผนครึ่งปีหลังเดินสายตลาดใหม่ทั่วโลก หวังเพิ่มฐานรายได้ กระจายความเสี่ยงธุรกิจ ล่าสุด ตุนงานในมือกว่า 6.5 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 58-59 มั่นใจแนวโน้มรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนแน่นอน เตรียมประมูลงานใหม่เพิ่มอีก 6.5 พันล้านบาท คาดได้งานไม่น้อยกว่า 60%
นายยู ยูน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี บมจ.บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี หรือ BJCHI กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2558 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% โดยเตรียมทยอยส่งมอบงานโครงการต่างๆ จากปัจจุบันที่มีปริมาณงานในมือ หรือ Backlog มูลค่าประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ และปี 2559
“จากปริมาณงานในมือที่มีอยู่ไม่น้อยกว่า 6,500 ล้านบาทนั้น ส่วนใหญ่มาจากงานโครงการ TUPI B.V. Replicant FPSO Compression Modules ในประเทศบราซิล ที่เราได้เซ็นสัญญามาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากโครงการดังกล่าวแล้ว ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบงานได้ตามกำหนดแน่นอน และจากปริมาณงานในมือที่มีอยู่นั้นเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเติบโตของรายได้ในปีนี้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15% แน่นอน”
ส่วนกลยุทธ์ในครึ่งปีหลัง บริษัทยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่หลายทวีป และหลายอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มฐานรายได้ และเป็นกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจภายในประเทศจะชะลอตัวลง แต่งานโครงการใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมหนักทั่วโลกยังคงเกิดขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ บริษัทได้เข้าประมูลงานจากหลายโครงการในต่างประเทศแล้วมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท โดยในส่วนนี้เป็นโครงการ High Potential Projects มูลค่าประมาณ 6,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าทราบผลได้ภายในปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทเพิ่งบรรลุข้อตกลงในการใช้พื้นที่บริเวณท่าเรือใน อ.สัตหีบ สำหรับเตรียมงานก่อสร้าง และประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานเนื่องจากเป็นการลดระยะเวลาขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการรองรับปริมาณงานในมือที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ขณะที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีรายได้รวม 2,256 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,873 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่า รายได้ในปี 2558 จะสามารถเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 15% จากปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน ในส่วนของกำไรสุทธิปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 1,003 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเป็นไปตามรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น โดยอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 20% และอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30%
“บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่หลายทวีป และหลายอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มฐานรายได้และเป็นกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศจะชะลอตัว แต่งานโครงการใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมหนักทั่วโลกยังคงเกิดขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น”
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนหลายราย คาดว่าน่าจะได้เห็นความชัดเจนได้ในปีหน้า โดยบริษัทฯ หวังมีสัดส่วนการถือหุ้น 5-10 % ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นการขยายไลน์ธุรกิจใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้บริษัทฯยังมองโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อกิจการในประเทศไทย เวียดนาม เกาหลี และออสเตรเลีย ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อธุรกิจเดิม เพื่อเป็นการต่อยอดการเติบโต โดยคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนได้ในปี 2559
ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทฯ ยังเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ให้แก่นักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการไปโรดโชว์ดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจธุรกิจบริษัทฯ มากขึ้น และจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในบริษัทฯ จากปัจจุบันนักลงทุนสถาบันถือหุ้นบริษัทฯ รวมกันประมาณ 2%