ราคาทองคำโลกหลุดแนวรับสำคัญทางเทคนิคไปตอน $1,132 เหรียญไปช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา จนลงไปทำสุดต่ำสุดบริเวณ $1,077 เหรียญต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด กับการชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจจีน และแกว่งตัวอยู่ระหว่าง $1,077-1,110 เหรียญกว่า 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะเบรกทะลุเหนือ $1,110 เหรียญขึ้นไปได้
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังเบรกขึ้นกรอบแนวต้านไปได้ ราคามีการย่อลงมาทดสอบ $1,110 เหรียญอีกครั้ง (Pull Back) แล้วไม่หลุดต่ำกว่าถือเป็นสัญญาณที่ดี และถือเป็นจุดที่เริ่มเก็งกำไรขาขึ้นได้ โดยมีแนวต้านที่สำคัญถัดไป คือ $1,132 เหรียญ ซึ่งเคยเป็นแนวรับเก่านั่นเอง
แต่สุดท้ายราคาทองคำก็ทะลุแนวต้านที่เคยเป็นอดีตแนวรับเดิมตรง $1,132 ขึ้นไปได้ จากข่าวที่เฟดเริ่มส่งสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อยังต่ำ และเศรษฐกิจโลกยังอ่อนแอ ซึ่งตลาดเริ่มคาดว่าเฟดอาจจะไม่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วอย่างที่ตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้
ทางเทคนิค ระยะสั้นหากทองคำมีการปรับย่อลงมาบริเวณ $1,132 เหรียญแล้วยืนเหนือได้ ถือเป็นสัญญาณบวกมากขึ้น (แต่ภาพใหญ่ก็ยังไม่กลับตัวเป็นขาขึ้นใหญ่อยู่ดี) สามารถเข้าไปเก็งกำไรระยะสั้นได้ ต้องท่องจำไว้ในใจว่าภาพใหญ่ยังไม่เป็นขาขึ้น เพราะฉะนั้นการเข้าไปเก็งกำไรต้องตัดขาดทุนให้เร็วหากผิดทาง ซึ่งหากราคาทองคำย่อมาแล้วไม่หลุด $1,132 เหรียญแล้วหลุด $1,120 เหรียญถือเป็นจุดตัดขาดทุน โดยแนวต้านถัดไป $1,185 เหรียญ
ส่วนนักลงทุนระยะยาวก็ยังคงแนะนำเหมือนเดิม คือ ทยอยสะสมทองคำจากเหตุผล 4 ประการที่เคยเขียนในคอลัมน์ก่อนหน้านี้ ยังแนะนำสะสมหากราคาต่ำกว่า $1,190 เหรียญ แต่จากที่เราได้สะสมไปแล้วบริเวณ $1,180 $1,130 และ $1,080 เหรียญ ยังไม่แนะนำให้ซื้อเพิ่มบริเวณนี้ โดยสัดส่วนการถือทองคำในพอร์ตลงทุนยังอยู่ระดับ 5-10 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
สัญญา หาญพัฒนกิจพาณิช
ผู้อำนวยการทีมพัฒนาธุรกิจตลาดอนุพันธ์ บล.โกลเบล็ก