ดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,380.66 จุด ลดลง 28.08 จุด (-1.99%) มูลค่าการซื้อขาย 37,828.51 ล้านบาท ดีดตัวขึ้นจากเปิดทำการเมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนีปรับตัวลดลง 37.65 จุด แตะที่ระดับ 1371.09 จุด
หลักทรัพย์ธนชาติ เตือนหลีกเลี่ยงหุ้นเสี่ยงกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม ห้าง รพ.รับผลกระทบเหตุระเบิดราชประสงค์ แนะรอตลาดนิ่งพร้อมสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่หลักทรัพย์กรุงศรี ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะปรับลดลงแต่จะฟื้นได้เร็ว เปรียบเทียบจากเหตุที่ผ่านมา
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินความเสี่ยงหลังเหตุระเบิดแยกราชประสงค์วันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยประเมินแนวรับ 1,375 +/- จุด ขณะที่ ETF MSCI Thailand ปรับลดลง -2.19% เมื่อคืนนี้ (อิงระเบิดเมื่อ 31 ธ.ค.06 SET ปรับลดลง -3% วันแรก -10% ใน 1.5 สัปดาห์) ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าทันที 1% ตั้งแต่เมื่อคืนที่ 33.55 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
พร้อมแนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มหุ้นที่ถูกกระทบโดยตรง รอตลาดนิ่งพร้อมสัญญาณฟื้นตัวทางเทคนิคก่อน เช่น กลุ่มท่องเที่ยว บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI รวมถึงกลุ่มห้างสรรพสินค้า บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) หรือ ROBINS โรงพยาบาลที่มีลูกค้าต่างประเทศ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH และบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เป็นต้น
ขณะที่ บมจ.หลักทรัพย์ กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (18 ส.ค.) คาด SET จะปรับลดลงจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่ไม่ทราบสาเหตุ และวัตถุประสงค์ที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์อยู่ในวงจำกัดเชื่อว่า SET จะฟื้นตัวเร็วได้ด้วยเช่นกัน
สำหรับเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ที่ยังไม่ทราบสาเหตุ และเป้าประสงค์ที่แท้จริง จะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้นเท่านั้น หากไม่มีเหตุการณ์ต่อเนื่องจากเหตุการณ์ระเบิดแยกราชประสงค์ ทำให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สิน แต่ยังรอสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิด 9 จุด ทั่ว กทม. เมื่อ 31 ธ.ค.2549 เกิดความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สิน ส่งผลให้ดัชนี SET ร่วงทันทีหลังวันเกิดเหตุ 3.1% หลังจากนั้น SET ซึมลงต่อเนื่องอีก 5% รวม 5 วันแรก SET ปรับลงไป 9.3% และใช้เวลาอีก 1 เดือน SET กลับมาที่เดิม ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างจากครั้งนั้นมาก เพราะเหตุระเบิดครั้งนี้เกิดเพียงจุดเดียว
ทั้งนี้ เชื่อว่า SET น่าจะปรับลงไม่มาก กรณีที่แย่สุดน่าจะลงได้ 2% อยู่ที่ 1,380 จุด กลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน การท่าอากาศ โรงหนัง ส่วนกลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบทางอ้อมที่เกิดจากความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ความเชื่อมั่นในการลงทุนโดยเฉพาะ หากภาวะการท่องเที่ยวที่เป็นตัวขับเคลื่อนจีดีพีในขณะนี้ชะลอตัวลง ก็จะฉุดให้จีดีพีปีนี้มีโอกาสที่จะต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม แนวโน้ม หรือทิศทางของ SET จะอิงอยู่กับสถานการณ์ว่าจะอยู่ในวงจำกัด และมีเหตุการณ์ต่อเนื่องหรือไม่