อิชิตัน กรุ๊ป ประกาศงบไตรมาส 2 รายได้ 2,105.8 ล้านบาท กำไรสุทธิปิดที่ 325.3 ล้านบาท ครองผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง ด้วยมาร์เกตแชร์ 46% พร้อมข่าวดีบอร์ดไฟเขียวตอบแทนผู้ถือหุ้น ควักกระเป๋าจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.25 บาท ก่อนเดินหน้าลุยตลาดครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง ผลักดันเป้าหมายรายได้รวมทั้งปี 7,500 ล้านบาท ให้เป็นไปตามที่ได้วางไว้
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดประจำไตรมาส 2/2558 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 2,105.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.8% จากงวดไตรมาส 1/2558 และเพิ่มขึ้น 2.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิปิดที่ 325.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.8% จากงวดไตรมาส 1/2558 แต่ลดลง 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน สำหรับกำไรขั้นต้นไตรมาส 2/2558 เท่ากับ 812.9 ล้านบาท เติบโต 20.7% จากงวดไตรมาส 1/2558 และเติบโต 17.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2558 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 3,955.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิ 641.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากงวดเดียวกันปีก่อน และจากผลสำรวจล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2558 พบว่า อิชิตันยังครองส่วนแบ่งสูงสุดอันดับ 1 ในตลาดชาพร้อมดื่ม โดยมีส่วนแบ่งการตลาดระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2558 คิดเป็น 46% (ข้อมูลจากตัวเลขค้าปลีกของบริษัท เดอะนีลเส็นคอมปะนี (ประเทศไทย) จำกัด) สะท้อนให้เห็นว่า อิชิตัน สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.25 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 25 สิงหาคม 2558 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 27 สิงหาคม 2558 และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 28 สิงหาคม 2558 กำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลวันที่ 11 กันยายน 2558 ตอกย้ำการเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และให้ผลตอบแทนที่ดีต่อผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ
“สำหรับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตขึ้นกว่า 11% เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ ประกอบกับอากาศร้อน ส่งผลให้แคมเปญการตลาดประสบความสำเร็จ มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายทางการตลาด และค่าโฆษณาที่เพิ่มสูงขึ้นหลังการเปิดตัวแบรนด์ไบเล่ ทั้ง 2 รสชาติ เข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้ไม่อัดลม แต่เชื่อว่า อิชิตัน จะบริหารต้นทุนการผลิต และค่าใช้จ่ายทางการตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากยอดขายไบเล่ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมทั้งสินค้ารสชาติใหม่ ขนาดใหม่ และรูปแบบใหม่ที่จะทยอยออกสู่ตลาดในช่วงปลายปีนี้ จากกำลังการผลิตในปัจจุบันที่สูงถึง 1,200 ล้านขวดต่อปี สามารถผลิตเครื่องดื่มได้แทบทุกชนิด และหลากหลายขนาด พร้อมยืนยันเป้าหมายรายได้รวม 7,500 ล้านบาทในปีนี้ จะเป็นไปตามที่วางไว้ได้ไม่ยาก” นายตัน กล่าว
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มในช่วงครึ่งปีหลังของอิชิตันยังมีการเติบโตที่ดี แม้ในช่วงที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรม และชุมชนต่างๆ ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง แต่อิชิตันได้วางแผนการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งโรงงาน อิชิตัน กรีน แฟคทอรี่ ที่สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติลงได้อย่างเป็นระบบ จึงสามารถส่งเสริมเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ด้วยการส่งมอบน้ำดื่ม จำนวน 611,232 ขวด ในโครงการ “อิชิตัน จากหัวใจ ปันน้ำ (ใจ) ถึงชุมชน” เพื่อแจกจ่ายน้ำแก่ประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ในเขตพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี เพื่อเป็นอีกส่วนสนับสนุนให้สัมคมให้ดีขึ้นได้