ลีสซิ่งกสิกรฯ ปรับลดเป้าสินเชื่อเช่าซื้อรถเหลือ 1.5% จากเดิม 1.8-2% คาดครึ่งปีหลังยังซบ ยอดขายรถใหม่หดตัวยาวถึงปี 2560 จึงจะเริ่มดีขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์เน้นปล่อยสินเชื่อดีลเลอร์ ขยายไปกลุ่ม CLMV
นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในครึ่งหลังของปีนี้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์จะซบเซาต่อเนื่อง จากยอดขายรถยนต์ที่คาดว่าจะหดตัวถึง 12-13% หรือมียอดขายรถยนต์ใหม่ที่ 780,000 คัน จากปีก่อนที่ 861,000 คน รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว และหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงถึง 90% บริษัทจึงปรับลดเป้าหมายสินเชื่อปีนี้ลงเหลือ 1.5% จากเดิม 1.8-2%
“มีความเป็นไปได้ที่ตลาดรถยนต์จะซบเซาต่อเนื่องจากรายได้ประชาชนลดลง โดยเฉพาะภาคการเกษตร และการส่งออก ทำให้มีความกังวลในการใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับหนี้ครัวเรือนที่อยู่ระดับสูงถึง 90% จนถึงปี 2560 จึงเริ่มดีขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะกลับมาฟื้นตัว และส่งผลให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อกลับมาซื้อสินค้าคงทน เช่น รถยนต์”
ทั้งนี้ บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจโดยเน้นปล่อยสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ ลูกค้าภาคธุรกิจ (ฟีต) และตลาดรถบรรทุก โดยเฉพาะกลุ่มรถบรรทุกภาคขนส่งระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง (CLMV) เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของสินเชื่อให้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปัจจุบันอยู่ที่ 1.29% โดยสิ้นปีคาดว่าจะรักษาไม่ให้เกิน 1.5% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่กำไรปีนี้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 600 ล้านบาท น่าจะเป็นตามเป้า จากช่วง 6 เดือนแรกที่มีกำไร 293 ล้านบาท
สำหรับในครึ่งปีแรก 2558 บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด สามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ และลีสซิ่งรถยนต์ใหม่ได้ 30,414 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 3.76% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลีสซิ่ง 15,273 ล้านบาท ลดลง 7.44% และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 15,141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.20% โดยเฉพาะในไตรมาส 2 สินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์โตถึง 28.64% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loan) มียอดรวม 88,903 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 0.96%
ส่วนสินเชื่อเพื่อการซื้อหรือเช่าซื้อรถยนต์ทั้งระบบมีจำนวน 8.52 แสนล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 57 ประมาณ 7 พันล้านบาท หรือลดลง 3.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน นับตั้งแต่เดือน พ.ค.57
นายสุรัตน์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์ในช่วงครึ่งปีแรกปี 58 ยังอยู่ในสภาพซบเซา โดยมียอดจำหน่ายรถยนต์อยู่ที่ 369,109 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน 16.3% โดยปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ลดลง คือ รายได้ประชากรที่ลดลง จากทั้งภาคการเกษตร และการส่งออก ทำให้มีความกังวลในการใช้จ่ายมากขึ้น จึงชะลอการซื้อรถยนต์ ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินก็เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องที่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรกติดล็อกกับข้อบังคับให้ถือครองรถยนต์ 5 ปี ทำให้โอกาสในการซื้อรถใหม่เพื่อหมุนเวียนลดลง
ด้านตลาดรถยนต์มือสอง มีทิศทางดีขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงปี 2558 โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ลูกค้าที่ต้องการรถยนต์เริ่มมองหารถยนต์มือสองสภาพดีที่เข้าสู่ตลาดค่อนข้างมาก ตามยอดการยึดคืนรถยนต์จากโครงการรถยนต์คันแรกที่ลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระต่อได้