xs
xsm
sm
md
lg

“ขุนคลัง” ยันไม่ต้องใช้ ม.44 แก้เศรษฐกิจ “เวิลด์แบงก์” มองจีดีพีไทยยังโตได้ 3.5%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


รมว.คลัง ลั่นไทยไม่ต้องใช้ ม.44 แก้ปัญหา ศก. เพราะการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ต้องมีธรรมาภิบาลอยู่แล้ว ขณะที่เวิลด์แบงก์ประเมิน ศก.ไทยเติบโตได้ 3.5% จากราคาน้ำมันที่ลดลง การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภาครัฐ ส่วนการส่งออกขยายตัวแบบช้าๆ ระบุเกิดจากความสามารถในการแข่งขันลดลง

นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Press Conference Thailand Economy Monitor (รายงานตามติดเศรษฐกิจไทย) จัดขึ้นโดยธนาคารโลก โดยระบุว่า นโยบายหลักของรัฐบาลนี้เป็นเรื่องการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ในสังคมไทยมานาน บางครั้งต้องใช้อำนาจตามมาตรา 44 ตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557

ส่วนด้านเศรษฐกิจที่นำโดยกระทรวงการคลังนั้น รัฐมนตรีคลังระบุว่า ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีแล้วว่า การทำงานของหน่วยงานเศรษฐกิจต้องมีธรรมมาภิบาล จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 ในการทำงาน ยกเว้นเรื่องแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยหน้าที่หลักของกระทรวงคลัง คือ การปฏิรูปภาษีที่ฐานภาษีในปัจจุบัน 2.3 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 17 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ในอนาคตตั้งเป้าจะเร่งขยายฐานภาษีให้รัฐบาลมีรายได้จากภาษีสัดส่วนร้อยละ 20 ต่อจีดีพี

สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แม้ข้อมูลจะบ่งชี้ว่าหากเพิ่ม VAT ร้อยละ 1 รัฐบาลจะมีรายได้เพิ่ม 80,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่กระทรวงการคลัง ยืนยันว่า VAT ภายใน 1 ปี จะไม่มีการปรับขึ้นแน่นอน โดยกระทรวงการคลัง จะนำเรื่องการคง VAT เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะเป็นเรื่องพิจารณาปีต่อปี

ส่วนภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะสร้างรายได้ให้รัฐบาลเพิ่มขึ้นชัดเจนมากที่สุด ขณะนี้กระทรวงการคลัง กำลังขัดเกลาให้เป็นภาระต่อประชาชนน้อยที่สุด ไม่เป็นภาระผู้มีรายได้น้อย และคนระดับกลางในเมืองมากเกินไป ซึ่งคาดว่าอีกภายใน 2 เดือนการพิจารณาภาษีดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขณะที่การจัดทำงบประมาณเพื่อกระต้นเศรษฐกิจนั้น ไทยน่าจะมีการจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลจนถึงปี 2560

ทั้งนี้ ธนาคารโลก หรือเวิลด์แบงก์ เผยแพร่รายงานการประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2558 โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยปีนี้จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เพราะราคาน้ำมันลดลง รายรับจากการท่องเที่ยวสูงขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น ขณะที่การส่งออกขยายตัวอย่างช้าๆ เป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ที่เติบโตเพียงร้อยละ 0.9 เวิลด์แบงก์ยังวิเคราะห์ว่า อัตราการขยายตัวการส่งออกของไทยชะลอตัวเพราะความสามารถการแข่งขันลดลง โดยปี 2549-2554 การส่งออกเติบโตปีละ ร้อยละ 13 แต่ช่วงปี 2555-2557 การส่งออกชะลอตัวจนต่ำกว่าร้อยละ 1

ขณะที่ผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐรายงานยอดขายที่มากกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤษภาคมจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใสในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทเฟียต ไครส์เลอร์ ออโตโมบิล รายงานว่ายอดขายรถยนต์พุ่งขึ้นร้อยละ 4 เดือนพฤษภาคม ถือเป็นยอดขายประจำเดือนพฤษภาคมดีที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะที่เจเนอรัล มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 แต่ฟอร์ด มอเตอร์ รายงานยอดขายลดลงร้อยละ 1.3 ในเดือนพฤษภาคม แต่ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงร้อยละ 3.4 นอกจากนี้ คาดว่ายอดขายรถยนต์ใหม่ในอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐจะพุ่งแตะ 17 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2544
กำลังโหลดความคิดเห็น