ทองคำยังมีแต่แนวโน้มขาลง “วายแอลจี” ชี้หลายปัจจัยจากสหรัฐฯ ส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัวกดดันราคาทองคำปรับลง อีกทั้งเศรษฐกิจจีนหนักกว่าคาดยิ่งกดดันราคาลงต่อเนื่อง จับตาการอ่อนค่าของเงินบาทใกล้ 35 บาท/เหรียญ อาจได้เห็นแบงก์ชาติเข้ามาแก้ปัญหา ช่วงชะลอการปรับตัวของราคาทองคำในประเทศ
“วรุต รุ่งขำ” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า เป็นอีกช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างแรง และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี และย่อตัวลงตัวลงมาต่อเนื่อง หลังเศรษฐกิจจีนไม่ดีอย่างคาดการณ์ อีกทั้งกองทุน SPDR ยังมีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้แรงซื้อทองคำชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าทิศทางราคาทองคำยังมีโอกาสปรับฐานอ่อนตัวลงอีก จากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายนนี้ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าอย่างสดใส ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อการดดันราคาทองคำปรับตัวลง
ดังนั้น นักลงทุนที่เข้าซื้อทองคำต้องจับตาแรงซื้อทองคำในระดับต่ำสุด โดยหากมีการปรับฐานต่ำสุดติดต่อกัน 3 วัน คาดว่าแรงเทขายจะเริ่มเบาบางลง ส่วนการดีดตัวขึ้น หากดีดตัวขึ้นเกิน 20-30 เหรียญ/อออนซ์ คาดว่าแรงซื้อจะกลับเข้ามาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังต้องคิดตามการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งจำเป็นต้องจับตาดูท่าทีของเฟดต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีในฝั่งสหรัฐฯ ช่วงไตรมาส 2 รวมถึงตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานฝั่งสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง และมีผลต่อทิศทางราคาทองคำมาก เนื่องจากบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ทำให้กลยุทธ์การลงทุนต้องจับตาดูโซนแนวรับ 1,060 เหรียญ/ออนซ์ ว่าจะสามารถตั้งฐานในบริเวณดังกล่าวได้หรือไม่ ซึ่งหากพบว่าแรงขายชะลอตัวลง และแรงซื้อเข้ามาปกติอาจทำให้ราคาทองคำชะลอหยุดการปรับตัวลง แต่อย่างไรก็ตาม หากระดับดังกล่าวไม่สามารถรับอยู่ อาจต้องชะลอการเข้าซื้อเพื่อไปรอดูในแนวรับถัดไปที่ 1,040 เหรียญ/ออนซ์ และหากราคามีการดีดตัว หรือรีบาวนด์ขึ้นอาจต้องจับตาที่แนวรับ 1,100 เหรียญ/ออนซ์
“หากมีการดีดตัวขึ้น แต่ราคายังไม่สามารถขึ้นไปเหนือแนวต้นดังกล่าวได้ ก็เชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคายังดูไม่ดีนัก แสดงว่าแรงซื้อยังไม่ชนะแรงขาย ทำให้นักลงทุนที่ถือทองคำไว้จะเทขายทองคำเพื่อลดความเสี่ยง และหันมาถือเงินสดมากขึ้น เพื่อรอการอ่อนตัวลงมาและเข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่า อีกทั้งต้องติดตามการอ่อนค่าของเงินบาทในประเทศที่อ่อนตัวลงต่อเนื่อง ซึ่งอาจช่วยพยุงราคาทองคำในประเทศให้อ่อนตัวลงไม่มากนัก เนื่องจากตอนนี้เข้าใกล้ 35 บาท/ดอลลาร์หสรัฐ ทำให้เริ่มประเมินว่า หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เข้ามาควบคุมค่าเงินบาท จะเหมือนแรงช่วยพยุงราคาทองคำไม่ให้ปรับตังลดลงมากนัก”