“คลัง” คาดหวังลงทุนรัฐเร่งเครื่องช่วยดันเศรษฐกิจปีนี้โตได้ถึง 3% ยอมรับภาคส่งออกยังอาการหนัก ประเมินอาจติดลบถึง 1.7% ขณะที่ภัยแล้งยังเป็นปัจจัยกดดัน “ซีไอเอ็มบี” คาดเฟดมีมติคง ดบ.ในการประชุมรอบนี้ และมีโอกาสปรับขึ้นในเดือน ก.ย. หวั่นทำบาทอ่อนค่า เชื่อปลายปีมีโอกาสแตะ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แนะนักลงทุนทำประกันความเสี่ยง
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 2558 ในสัปดาห์นี้จะมีการปรับลดการขยายตัวของจีดีพีจากเดิมที่คาดไว้ที่ 3.7% เหลือ 3% ต่อปี ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้ประชาชาชน และนักลงทุนรับทราบแล้ว
ทั้งนี้ การปรับลดตัวเลขเศรษฐกิจครั้งนี้เนื่องจากการส่งออกที่เดิมคาดว่าจะขยายตัว 0.2% มาเป็นติดลบ 1.7% ส่วนการบริโภคเอกชน และการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวได้ แต่ยังไม่สูงมากนัก ที่ประมาณ 2-3% ขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัวได้มากกว่า 15% เนื่องจากภาครัฐเร่งการลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง ทำให้ทิศทางการขยายตัวลดลง แต่รัฐบาลได้เร่งออกมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ทั้งการพักชำระหนี้เพื่อลดรายจ่าย และการให้สินเชื่อเพิ่มเติม ทำให้บรรเทาผลกระทบดังกล่าวได้มาก
“กระทรวงการคลังมั่นใจว่า เศรษฐกิจปีนี้จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% เนื่องจากการลงทุนภาครัฐมีการเบิกจ่ายได้รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะงบประมาณปี 2558 และยังมีงบลงทุนพิเศษจากการลงทุนโครงการน้ำ และซ่อมสร้างถนนทั่วประเทศอีก 8 หมื่นล้านบาท การอนุมัติก่อสร้างโครงการถนนมอเตอร์เวย์ 3 เส้นทาง รวมถึงงบประมาณปี 2559 มีการขาดดุลถึง 3.9 แสนล้านบาท เป็นงบลงทุนสูงถึง 5 แสนล้านบาท ทั้งหมดจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจครึ่งปีหลังให้ขยายตัวได้มาก”
นอกจากนี้ รัฐบาลยังตั้งให้นายสมหมาย เป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การลงทุนและการดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจมีผลในทางปฏิบัติเร็วขึ้น ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น
นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังยังไม่เสนอมาตรการแจกเงินให้เกษตรกรไร่ละ 1 พันบาท แต่ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาทต่อครอบครัว โดยเห็นว่าจะดำเนินการมาตรการดังกล่าวได้หรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ นายสมหมาย ระบุว่า การแจกเงินเกษตรกรเป็นเรื่องที่ทำไม่ยาก หากสั่งให้ธนาคารของรัฐก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่การแก้ไขเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินต้องนึกถึงภาระความเสียหายที่จะเกิดมา ในฐานะที่เป็นข้าราชการกระทรวงการคลังมาก่อนหน้านี้ เห็นมาเยอะว่าการสั่งให้แบงก์รัฐเข้าไปแจกเงิน หรือปล่อยสินเชื่อจะเกิดความเสียตามมาเป็นจำนวนมาก จนเป็นปัญหาให้ต้องแก้ถึงปัจจุบัน ทั้งในส่วนของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือเอสเอ็มอีแบงก์ และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย หรือไอแบงก์ ที่มีหนี้เสียจากการดำเนินตามนโยบายของรัฐจำนวนมาก
ด้าน นายอมรเทพ จาวะลา หัวหน้าส่วนวิจัยเศรษฐกิจและตลาดการเงิน สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2558 นี้ คาดว่าที่ประชุมเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ซึ่งมองว่ายังเร็วเกินไปที่จะปรับดอกเบี้ยขึ้นในรอบนี้
ทั้งนี้ หากผลรายงานการประชุมเฟดยังมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา หรือเศรษฐกิจโลก ทั้งยุโรป และจีน ก็เชื่อว่าจะมีการเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปในการประชุมรอบเดือนกันยายน 2558 มากกว่า ซึ่งจะทำให้เกิดการกลับเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกระลอกหนึ่ง
โดยจากปัจจัยความกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้ส่งผลต่อนักลงทุนให้เกิดการเร่งความต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ค่าเงินบาทในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอ่อนค่าลงกว่าร้อยละ 2 ต่อดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ในสัปดาห์หน้า คาดว่าเงินบาทจะแตะที่ระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่เชื่อว่าจะปรับตัวแข็งค่าขึ้น หลังมีรายงานการประชุมของเฟดออกมา โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้ค่าเงินบาทมีโอกาสแตะที่ระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้
ดังนั้น แนะนำนักลงทุน ผู้ประกอบการ ผู้ส่งออกทำประกันความเสี่ยงของค่าเงินเพื่อป้องกันความผันผวนทั้งจากความเสี่ยงเศรษฐกิจโลก และการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟด