“เกศรา” รับปรับลดเป้ามูลค่าการซื้อขายรายวันเฉลี่ยทั้งปี 58 ลง ระบุปริมาณหุ้นเก็งกำไรลดลงตามมูลค่าการซื้อ-ขาย ย้ำเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ อย่างไรก็ตาม Forwards PE ยังคงอยู่ในที่ระดับใกล้เคียงตลาดภูมิภาค คือ 20 เท่า และ 15 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ยอดขายสุทธิสะสมต้นปี 58 ของต่างชาติมีทั้งสิ้น 34,853 ล้านบาท แต่ยังต่ำกว่ามูลค่าการซื้อสุทธิสะสมของนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ 38,448 ล้านบาท
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED คงนโยบายทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปลายปีนี้ ปัญหาหนี้กรีซที่ยังคงยืดเยื้อ รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ล้วนมีผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขาย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับลดคาดการณ์มูลค่าเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 47,698 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท แต่ในแง่ของมูลค่าระดมทุนกลับพุ่งทะลุเกินคาด โดยครึ่งปีแรกมีมูลค่าระดมทุนแล้ว 1.35 แสนล้านบาท สูงกว่าจากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในช่วงต่อจากนี้จนถึงสิ้นปียังมีบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai อีก 24 ราย จากช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเข้ามาจดทะเบียนแล้ว 17 ราย
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงส่งผลให้หุ้นเก็งกำไรลดลงตามไปด้วย โดยปัจจุบันมีหุ้นเก็งกำไร 22 หลักทรัพย์ ลดลงจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 ที่มีจำนวน 52 หลักทรัพย์ และช่วงที่มีการเก็งกำไรสูงสุดมีถึง 73
นางเกศรา ยังได้แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 58 และแผนงานครึ่งปีหลังเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว พัฒนาสินค้าและบริการให้หลากหลายด้วยคุณภาพ และเป็นสากล สู่ความเป็น Digital Exchange โดย 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ที่ผ่านมา ยังคงสถิติมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวัน และการระดมทุนผ่าน IPO สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และมีจำนวนผู้ลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น 63,863 ราย และผู้ลงทุนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 4,750 ราย ขณะเดียวกัน สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจาก 15 หลักทรัพย์เข้าใหม่ 159,485 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 250,000 ล้านบาท
“แม้ภาวะตลาดทุนโลกมีความไม่แน่นอนทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปมาระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานที่สำคัญหลายด้าน และยังคงรักษาความโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 4 หมื่นล้านบาท สูงสุดในภูมิภาคเอเซีย” นางเกศรา กล่าว
สำหรับปริมาณการซื้อขายสินค้าเฉลี่ยต่อวันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 192,878 สัญญา บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ปีนี้ 190,000 สัญญา โดยเพิ่มขึ้นจากการซื้อขายใน single stock futures และ SET50 index futures
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งผลักดันการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เป็นการลงทุนที่สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของผู้ที่เป็นลูกจ้าง โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมการเพิ่มบริษัทที่ใช้นโยบาย Employee’s choice พร้อมๆ ไปกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เหมาะสมต่ออายุเพื่อเสริมสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาว ขณะเดียวกัน ก็ยังคงเดินหน้าให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน และผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มุ่งเน้นการให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่มบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็น GMS Connector ด้วยการมีช่องทางระดมทุนเพื่อรองรับความต้องการเงินทุนของบริษัทจาก GMS และบริษัทต่างชาติที่หลากหลาย เช่น การรับหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งในรูปแบบ primary listing, secondary listing, infrastructure fund และ infrastructure trust รวมถึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงกับตลาด GMS ได้แก่ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (GMS Depository Receipt : GMS DR) นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนไทย จำนวน 111 แห่ง ที่ไปลงทุนใน GMS บนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเชื่อมโอกาสการลงทุนใน GMS ผ่านบริษัทจดทะเบียนไทย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED คงนโยบายทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายในปลายปีนี้ ปัญหาหนี้กรีซที่ยังคงยืดเยื้อ รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ล้วนมีผลกระทบต่อมูลค่าการซื้อขาย ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับลดคาดการณ์มูลค่าเฉลี่ยต่อวันลดลงเหลือ 47,698 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าอยู่ที่ 52,000 ล้านบาท แต่ในแง่ของมูลค่าระดมทุนกลับพุ่งทะลุเกินคาด โดยครึ่งปีแรกมีมูลค่าระดมทุนแล้ว 1.35 แสนล้านบาท สูงกว่าจากเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในช่วงต่อจากนี้จนถึงสิ้นปียังมีบริษัทที่รอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ หรือ mai อีก 24 ราย จากช่วงตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเข้ามาจดทะเบียนแล้ว 17 ราย
อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงส่งผลให้หุ้นเก็งกำไรลดลงตามไปด้วย โดยปัจจุบันมีหุ้นเก็งกำไร 22 หลักทรัพย์ ลดลงจากช่วงไตรมาส 4 ปี 2557 ที่มีจำนวน 52 หลักทรัพย์ และช่วงที่มีการเก็งกำไรสูงสุดมีถึง 73
นางเกศรา ยังได้แถลงผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 58 และแผนงานครึ่งปีหลังเดินหน้าขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว พัฒนาสินค้าและบริการให้หลากหลายด้วยคุณภาพ และเป็นสากล สู่ความเป็น Digital Exchange โดย 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ที่ผ่านมา ยังคงสถิติมูลค่าการซื้อขายหุ้นเฉลี่ยต่อวัน และการระดมทุนผ่าน IPO สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน และมีจำนวนผู้ลงทุนใหม่เพิ่มขึ้น 63,863 ราย และผู้ลงทุนซื้อขายตราสารอนุพันธ์ 4,750 ราย ขณะเดียวกัน สามารถเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมจาก 15 หลักทรัพย์เข้าใหม่ 159,485 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปี 250,000 ล้านบาท
“แม้ภาวะตลาดทุนโลกมีความไม่แน่นอนทำให้มีการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนไปมาระหว่างประเทศตั้งแต่ต้นปีนี้ แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังคงประสบผลสำเร็จในการดำเนินงานที่สำคัญหลายด้าน และยังคงรักษาความโดดเด่นในภูมิภาคอาเซียน ด้วยมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 4 หมื่นล้านบาท สูงสุดในภูมิภาคเอเซีย” นางเกศรา กล่าว
สำหรับปริมาณการซื้อขายสินค้าเฉลี่ยต่อวันในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 192,878 สัญญา บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ปีนี้ 190,000 สัญญา โดยเพิ่มขึ้นจากการซื้อขายใน single stock futures และ SET50 index futures
ด้านการขยายฐานผู้ลงทุนระยะยาว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังมุ่งผลักดันการลงทุนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เป็นการลงทุนที่สามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาวของผู้ที่เป็นลูกจ้าง โดยตั้งเป้าหมายส่งเสริมการเพิ่มบริษัทที่ใช้นโยบาย Employee’s choice พร้อมๆ ไปกับการให้ความรู้ด้านการลงทุนแก่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้เหมาะสมต่ออายุเพื่อเสริมสร้างโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นในระยะยาว ขณะเดียวกัน ก็ยังคงเดินหน้าให้ความรู้แก่ผู้ลงทุน และผู้เกี่ยวข้องในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มุ่งเน้นการให้ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่มบทบาทของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการเป็น GMS Connector ด้วยการมีช่องทางระดมทุนเพื่อรองรับความต้องการเงินทุนของบริษัทจาก GMS และบริษัทต่างชาติที่หลากหลาย เช่น การรับหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งในรูปแบบ primary listing, secondary listing, infrastructure fund และ infrastructure trust รวมถึงเตรียมออกผลิตภัณฑ์เชื่อมโยงกับตลาด GMS ได้แก่ ใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิง (GMS Depository Receipt : GMS DR) นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนไทย จำนวน 111 แห่ง ที่ไปลงทุนใน GMS บนเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเชื่อมโอกาสการลงทุนใน GMS ผ่านบริษัทจดทะเบียนไทย