หุ้นกลุ่มรับเหมาขึ้นรับข่าว ครม.อนุมัติในหลักการแผนสร้างมอเตอร์เวย์ 3 สาย นักวิเคราะห์ระบุเม็ดเงินจะเข้าสู่ระบบจริงในปี 59 แนะทยอยสะสมลงทุนระยะกลางถึงยาว
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ไปที่ 1,488.40 จุด ลดลง 2.25 จุด เปลี่ยนแปลง -0.15% มูลค่าการซื้อขาย 30,503.55 ล้านบาท โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,494.96 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,487.01 จุด สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 518.66 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 112.83 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 449.01 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 182.48 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนคาดการว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 จะอ่อนลง โดยมองว่าการปล่อยสินเชื่ออาจชะลอตัว และยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง หลังจากมีรายงานว่าอิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจของโลกได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์แล้ว ดังนั้น จึงยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลให้อิหร่านส่งออกน้ำมันในตลาดโลกได้
ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง รับข่าวประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง 3 เส้นทาง มูลค่าการลงทุนรวมถึง 1.6 แสนล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนียังคงเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,500 จุด และแนวรับที่ 1,480 จุด เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงขายต่อเนื่องหลังค่าเงินบาท/ดอลลาร์ยังมีทิศทางอ่อนค่า ขณะที่ยังต้องรอดูปัจจัยจากทางกรีซเพิ่มเติม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกรีซเตรียมยื่นร่างกฎหมายการรัดเข็มขัดต่อรัฐสภาวันนี้ และสมาชิกรัฐสภากรีซจะลงคะแนนเสียงว่าจะอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ในวันพรุ่งนี้
“วานนี้แรงขายกลุ่มธนาคารกดดัน SET ไม่ผ่านแนวต้าน 1,494 จุด อย่างไรก็ดี เราคาดว่า SET จะสามารถผ่านไปได้ หลังความเสี่ยงตลาดหุ้นโลกจากประเด็นกรีซลดลง โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,510-1,514 จุด ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มรับเหมาฯ (CK STEC SEAFCO) ท่องเที่ยว (AOT) และสื่อสาร (ADVANC INTUCH) มีแนวโน้มสลับเป็น “ตัวนำ” ตลาด ขณะที่กลุ่มธนาคาร (KBANK TMB KTB) เป็นเป้าหมายในการทำ Short-Covering” นายอภิชาติ กล่าว
สอดคล้องต่อ นายประกิต สิริวัฒนะเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธฺ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนการก่อสร้างทางหลวงระหว่างเมือง (Motorway) 3 เส้นทางที่ผ่านการอนุมัติรายงานสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้ว มูลค่าการลงทุนรวม 1.6 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ทั้ง 4 บริษัทได้แก่ ITD, CK, STEC และ UNIQ
“การขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบถือเป็นความพยายามของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามกระบวนการในการดำเนินอย่างอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในกระบวนการดำเนินการปกติหลังจากผ่านการอนุมัติของ ครม.มาแล้ว กว่าจะที่เห็นการเซ็นสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมาฯ อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งก็หมายความว่าเม็ดเงินลงทุนที่แท้จริงอาจเข้ามาสู่ระบบในปี 2559”
อย่างไรก็ตาม ประกอบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนในไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มแบงก์ แม้ว่าตลาดจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์สะท้อนปัจจัยลบมาแล้วก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าก็จะยังเป็นปัจจัยที่จำกัดต่อการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ก็จะยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาดเช่นกัน พร้อมมองแนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,480 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดตลาดวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 ไปที่ 1,488.40 จุด ลดลง 2.25 จุด เปลี่ยนแปลง -0.15% มูลค่าการซื้อขาย 30,503.55 ล้านบาท โดยดัชนีทำระดับสูงสุดของวันที่ 1,494.96 จุด และทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,487.01 จุด สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 518.66 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิ 112.83 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 449.01 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 182.48 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้มีแรงขายออกมาในหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากนักลงทุนคาดการว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 จะอ่อนลง โดยมองว่าการปล่อยสินเชื่ออาจชะลอตัว และยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานที่ได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลง หลังจากมีรายงานว่าอิหร่าน และ 6 ชาติมหาอำนาจของโลกได้บรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์แล้ว ดังนั้น จึงยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ส่งผลให้อิหร่านส่งออกน้ำมันในตลาดโลกได้
ขณะที่มีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง รับข่าวประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. มีมติอนุมัติโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง 3 เส้นทาง มูลค่าการลงทุนรวมถึง 1.6 แสนล้านบาท
ส่วนแนวโน้มการซื้อขายวันพรุ่งนี้ คาดว่าดัชนียังคงเคลื่อนไหวแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแนวต้านบริเวณ 1,500 จุด และแนวรับที่ 1,480 จุด เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติน่าจะยังคงขายต่อเนื่องหลังค่าเงินบาท/ดอลลาร์ยังมีทิศทางอ่อนค่า ขณะที่ยังต้องรอดูปัจจัยจากทางกรีซเพิ่มเติม เนื่องจากนายกรัฐมนตรีกรีซเตรียมยื่นร่างกฎหมายการรัดเข็มขัดต่อรัฐสภาวันนี้ และสมาชิกรัฐสภากรีซจะลงคะแนนเสียงว่าจะอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวหรือไม่ในวันพรุ่งนี้
“วานนี้แรงขายกลุ่มธนาคารกดดัน SET ไม่ผ่านแนวต้าน 1,494 จุด อย่างไรก็ดี เราคาดว่า SET จะสามารถผ่านไปได้ หลังความเสี่ยงตลาดหุ้นโลกจากประเด็นกรีซลดลง โดยมีเป้าหมายถัดไปที่ 1,510-1,514 จุด ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มรับเหมาฯ (CK STEC SEAFCO) ท่องเที่ยว (AOT) และสื่อสาร (ADVANC INTUCH) มีแนวโน้มสลับเป็น “ตัวนำ” ตลาด ขณะที่กลุ่มธนาคาร (KBANK TMB KTB) เป็นเป้าหมายในการทำ Short-Covering” นายอภิชาติ กล่าว
สอดคล้องต่อ นายประกิต สิริวัฒนะเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธฺ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอแผนการก่อสร้างทางหลวงระหว่างเมือง (Motorway) 3 เส้นทางที่ผ่านการอนุมัติรายงานสิ่งแวดล้อม หรือ EIA แล้ว มูลค่าการลงทุนรวม 1.6 แสนล้านบาท ส่งผลให้มีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ ทั้ง 4 บริษัทได้แก่ ITD, CK, STEC และ UNIQ
“การขับเคลื่อนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบถือเป็นความพยายามของภาครัฐในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามกระบวนการในการดำเนินอย่างอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในกระบวนการดำเนินการปกติหลังจากผ่านการอนุมัติของ ครม.มาแล้ว กว่าจะที่เห็นการเซ็นสัญญาก่อสร้างกับผู้รับเหมาฯ อาจใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งก็หมายความว่าเม็ดเงินลงทุนที่แท้จริงอาจเข้ามาสู่ระบบในปี 2559”
อย่างไรก็ตาม ประกอบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ของบริษัทจดทะเบียนในไทยมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะในกลุ่มแบงก์ แม้ว่าตลาดจะมีแรงขายหุ้นกลุ่มแบงก์สะท้อนปัจจัยลบมาแล้วก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่เชื่อว่าก็จะยังเป็นปัจจัยที่จำกัดต่อการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มแบงก์ได้ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง ก็จะยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาดเช่นกัน พร้อมมองแนวรับวันนี้ที่บริเวณ 1,480 จุด และแนวต้านที่ 1,500 จุด