บล.โกลเบล็ก ชี้ปัญหาเบี้ยวหนี้กรีซยังไม่จบ ลุ้นประชุมผู้นำยูโรกรุ๊ป 12 กรกฎาคมนี้ กำหนดชะตาจ่ายหนี้ 3,500 ล้านยูโรที่จะครบกำหนดในวันที่ 20 กรกฎาคม พร้อมมองดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวลงต่อให้กรอบแกว่งตัว 1,460-1,500 จุด ชูกลยุทธ์ลงทุนหุ้นแจ้งกำไรไตรมาส 2/58 เด่น PTTGC, TOP, PTT, TPIPL ,THCOM ,STPI, FSMART, MTLS, AAV, KCE และ SYNEX ด้านราคาทองคำ มองว่ามีโอกาสเกิดจุดกลับตัวทางเทคนิคหลังจากปรับลงใกล้ระดับ 1,140 เหรียญต่อทรอยออนซ์ มองแนวต้าน 1,170-1,180 เหรียญต่อทรอยออนซ์ จึงแนะนำกลยุทธ์ทยอยสะสม
น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงให้ความสำคัญต่อปัญหาการผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรของรัฐบาลกรีซต่อยูโรโซน 3,500 ล้านยูโร ในวันที่ 20 ก.ค. ซึ่งในวันที่ 12 ก.ค.นี้ จะมีการประชุมผู้นำยูโรกรุ๊ปเพื่อหารือปัญหาหนี้กรีซอีกครั้ง และหากกรีซไม่สามารถเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอเงินสนับสนุนรอบใหม่ คาดว่ากรีซจะผิดนัดชำระหนี้เช่นเดียวกับหนี้ IMF 1,600 ยูโร และคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ Emergency Liquidity Assistance (ELA) แก่ภาคธนาคารของกรีซ
ปัจจัยภายขณะที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เหลือ 3% จากเดิม 3.5% เนื่องจากตัวเลขส่งออกที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด โดยมีแนวโน้มหดตัว 2% ในปีนี้ ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ว่ายังขยายตัวได้ หลังจากสรุปภาวะเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ค.58 พบว่า ภาวะเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ด้านการบริโภคพบสัญญาณฟื้นตัว ภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการลงทุนภาครัฐเบิกจ่ายได้มากขึ้น และมีแนวโน้มเร่งขึ้น โดยคาดว่าจะมีเงินสะพัดเข้าสู่ภูมิภาคมากขึ้นในไตรมาส 3 เป็นต้นไป
ส่วนการ Preview ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มเป็นลบ จากแรงกดดันการปล่อยสินเชื่อที่ชะลอตัวลง NIM ลดลง รวมถึง NPL ที่สูงขึ้น และการตั้งสำรองหนี้สูญสูงขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันทรุดตัวลงแรงกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต่อเนื่อง ซึ่งจะกดดันตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก จำกัด กล่าวเสริมว่า นักลงทุนควรจับตาการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศยูโรโซนที่จะหารือกันเรื่องการแก้ปัญหาหนี้กรีซ ในวันที่ 12 กรกฎาคม เป็นปัจจัยหลักที่ต้องติดตาม เนื่องจากมีความสำคัญต่อภาวะการลงทุนสูง ซึ่งหากกรีซ และเจ้าหนี้สามารถบรรลุข้อตกลงได้จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนี แต่หากไม่มีความคืบหน้าจะกดดันต่อทิศทางการลงทุน เพราะจะทำให้กรีซมีความเสี่ยงที่จะผิดนัดชำระหนี้แก่ ECB 3.5 พันล้านยูโร ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้ และออกจากยูโรโซน ซึ่งอาจทำให้ ECB ยกเลิกการจัดสรรวงเงินช่วยเหลือฉุกเฉิน (ELA) แก่ภาคธนาคารกรีซ และจะส่งผลให้ตลาดการเงินปั่นป่วน
ดังนั้น ประเมินว่า SET มีแนวโน้มปรับตัวลงไปยังโซนแนวรับสำคัญ 1,460-1,470 จุด ก่อนจะเกิด Technical rebound จะภาวะ Oversold และหากการเจรจาปัญหากรีซเป็นบวก จะหนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นไปทดสอบ 1,500 จุด
ทั้งนี้ แนะนำกลยุทธ์การลงทุนซื้อสะสมหุ้นที่มีปัจจัยบวกช่วงอ่อนตัวบริเวณ 1,460-1,470 จุด ได้แก่ กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2558 ออกมาดี เช่น PTTGC, TOP, PTT, TPIPL, THCOM ,STPI, FSMART, MTLS, AAV, KCE และ SYNEX กลุ่มสื่อสาร แนะนำ ADVANC, INTUCH จากที่มีข่าวคืบหน้าในการเปิดประมูล 4G และเป็นหุ้นปันผลครึ่งปีดีเด่น รวมถึงหุ้นกลุ่มเดินเรือ เช่น TTA , PSL ซึ่งรับอานิสงส์จากดัชนีค่าระวางเรือดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 6 เดือน ส่วน SOLAR, AKR มองว่าเป็นหุ้นที่ได้ประโยชน์จากที่คาดว่าสัปดาห์นี้จะได้ข้อสรุปหลักเกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์มหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตรขนาด 800 เมกะวัตต์
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ประธานสภายุโรปออกมาเผยว่าจะให้เวลากรีซจนถึงวันอาทิตย์ที่ 12 ก.ค.นี้ เพื่อให้กลุ่มผู้นำยูโรกรุ๊ปทั้ง 28 ประเทศ พิจารณาข้อเสนอของกรีซเพื่อบรรลุข้อตกลงต่อกลุ่มเจ้าหนี้เพื่อเลี่ยงภาวะล้มละลาย โดยกำหนดเส้นตายให้แก่รัฐบาลกรีซในการเสนอรายละเอียดแผนการปฏิรูปภายในวันพฤหัสบดีที่ 9 ก.ค.นี้เป็นอย่างช้าที่สุด จึงควรจับตาดูผลการประชุมดังกล่าวเนื่องจากจะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำ
ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิคราคาปรับลงตามแรงกดดันแนวต้านสัญญาณ DEAD CROSS และลงมาต่ำกว่าฐานแนวรับ DOUBLE BOTTOM ด้วยการสร้างแท่งเทียน BEARISH เป็นสัญญาณลบที่สอดคล้องกัน เพิ่มความแข็งแกร่งของแนวลง ขณะที่ค่าสัญญาณ RSI ปรับลงเป็นแรงกดดันเสริม ทำให้ราคาทองมีแนวโน้มปรับลงต่อเข้าหาฐานแนวรับการจบรูปแบบลงหัว และไหล่ขาลงที่ 1,140 เหรียญต่อทรอยออนซ์
อย่างไรก็ตาม ราคาเริ่มมีภาวะ OVER SOLD และลงมาใกล้จบแนวลงตามรูปแบบที่ 1,140 เหรียญต่อทรอยออนซ์ ปรับตัวไม่ต่ำกว่าจะทำให้ราคามีโอกาสสร้างฐานแนวรับ และเกิดจุดกลับตัวทางเทคนิค ให้แนวรับ 1,140-1,130 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,170-1,180 เหรียญต่อทรอยออนซ์