ธ.ไทยพาณิชย์ คงเป้าจีดีพีปีนี้ คาดยังโตได้ 3% ห่วงภัยแล้ง-ประมง อาจฉุดจีดีพีโตได้ต่ำกว่าเป้า เชื่อกระทบส่งออกติดลบ 1.5% พร้อมประเมิน กนง. อาจต้องหั้นดอกเบี้ยอีกครั้งปลายปี ลั่นเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งมากกว่าเมื่อ 18 ปีที่ผ่านมา
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ยังคงประมาณเศรษฐกิจไทยในปีนี้โตร้อยละ 3 แม้ว่าเศรษฐกิจในครึ่งปีแรกยังชะลอตัว โดยคาดหวังการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ที่เร่งตัวขึ้นและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยมีโอกาสโตมากกว่าร้อยละ 3 ได้ หากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ 2558 เบิกจ่ายได้มากกว่าร้อยละ 70 และเร่งลงทุนในโครงการก่อสร้างขนาดเล็ก จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงปลายปีนี้
นายพชรพจน์ ยังประเมินว่า เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงอีกหลายด้าน โดยเฉพาะมาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว ประกอบกับปัญหาภัยแล้งและผลกระทบจากการหยุดเดินเรือของเรือประมง หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะกระทบการส่งออกสินค้าเกษตรและประมงของไทย ทำให้เศรษฐกิจมีโอกาสเติบโตต่ำกว่าร้อยละ 3 และยิ่งซ้ำเติมภาคการส่งออกที่ปีนี้ที่คาดว่าจะหดตัวถึงร้อยละ 1.5 จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัวร้อยละ 1.3 หลังจากที่ 5 เดือนแรกการส่งออกหดตัวแล้วถึงร้อยละ 4.2 แม้ว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลง อยู่ที่ 34-35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งปีหลัง ก็ไม่สามารถจะช่วยให้การส่งออกกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ ส่วนวิกฤตหนี้ในกรีซ เชื่อว่า จะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับประเทศไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวกรีซ และการส่งออกไทยไปยังกรีซมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น
ทั้งนี้ เชื่อว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกร้อยละ 0.25 เหลือ 1.25 ในช่วงปลายปี เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อยังต่ำสามารถที่จะใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในการกระตุ้นได้อีก
ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2559 น่าจะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้เล็กน้อย เติบโตร้อยละ 3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่คาดว่าจะฟื้นตัว และมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐเพิ่มขึ้น และการส่งออกจะกลับมาขยายตัวได้ร้อยละ 3.6 และมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยจะขยับขึ้นร้อยละ 0.25-0.50 ตามแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้น
นอกจากนี้ นายพชรพจน์ ยังเชื่อว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีความแข็งแกร่งมากกว่า 18 ปีที่ผ่านมาที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เนื่องจากปัจจุบันไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 40 ของจีดีพี ซึ่งสูงกว่าหนี้ระยะสั้น 2-3 เท่า และสามารถรองรับความผันผวนของเศรษฐกิจ และตลาดการเงินโลกได้