รมว.คลัง ยอมรับปัญหาภัยแล้งฉุดจีดีพีติดลบ 0.5% หลังประสบปัญหาเอลนีโญหนักสุดในรอบหลายปี พร้อมหามาตรการช่วยเหลือชาวนาเพิ่มเติม สั่ง ธ.ก.ส. พักหนี้ 6 เดือน ส่วนกรณี “สาธิต” โดนอายัดทอง 600 ล้านคดีทุจริต ต้องรอผลสอบ ป.ป.ช.พิจารณาให้เสร็จแล้วแจ้งอย่างเป็นทางการ พร้อมระบุนักลงทุนต่างชาติคลายกังวลการเมืองของไทย
นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยชะลอตัว เพราะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมทั้งปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นปีนี้มาจากผลกระทบเอลนีโญที่กลับมาอีกครั้งในรอบหลายปี หลังเกิดขึ้นเมื่อปี 2540 จึงเกิดปัญหาการไหลของปริมาณน้ำฝนติดลบร้อยละ 18 ในเดือนกรกฎาคม และดีขึ้นในเดือนสิงหาคมติดลบร้อยละ 12 จากปัญหาแล้งดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ร้อยละ 0.5 อาจทำให้เป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ร้อยละ 3.5 เหลือร้อยละ 3 หากมาตรการช่วยเหลือปัญหาภัยแล้งทำได้ดี จีดีพีอาจลดลงไม่มาก หลังจากกระทรวงเศรษฐกิจเร่งเดินหน้าใช้มาตรการช่วยเหลือ รวมถึงการใช้งบปี 2559 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่อให้มีงานทำ
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการสนับสนนุให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยอาจช่วยได้ไม่มาก เพราะต้องใช้เวลาเตรียมตัว จึงต้องใช้มาตรการอื่นเพิ่มซึ่งกำลังหารือร่วมกันเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ ส่วนปัญหาหนี้ได้มอบนโยบายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ช่วยเหลือเกษตรกรพักหนี้ทั้งเงินต้น และดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกได้ในหลายพื้นที่จึงต้องช่วยเหลือเพิ่ม
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่า นายสาธิต รังคสิริ อดีตอธิบดีกรมสรรพากร ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อายัดทองคำมูลค่า 600 ล้านบาท จากปัญหาการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยกระทรวงการคลังต้องรอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณาให้เสร็จแล้วแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ เหมือนกรณีการเรียกค่าเสียหายโครงการจำนำข้าวจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะคดีอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.
นายสมหมาย กล่าวบนเวทีออสเตรเลียฟอรัม โดยระบุว่า ขณะนี้ครบรอบ 10 ปีการลงนามเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย ยอมรับว่าทั้ง 2 ประเทศมีการค้าการลงทุนระหว่างกันจำนวนมาก โดยออสเตรเลียนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้น 3 เท่า ขณะที่นำเข้าสินค้าจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้น 2 เท่า และนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในออสเตรเลียหลายประเภท เช่น การสำรวจปิโตรเลียม และอุตสาหกรรมภาคต่างๆ ยอมรับว่าขณะนี้นักลงทุนต่างชาติคลายความกังวลต่อสถานการณ์การเมืองของไทยในเรื่องปฏิวัติ เพราะรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ดีขึ้น จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กังวลการเมืองของไทย