ประธานอนุ กมธ.เกษตร เผยมีมติตั้งสมาพันธ์ข้าวและชาวนาฯ ตามนโยบาย “ประยุทธ์” เพื่อความเป็นเอกภาพ ให้รัฐหนุนอาชีพเสริมเลี้ยงวัว เหตุภัยแล้งทำที่ปลูกข้าวลดลง ให้ ธ.ก.ส.ช่วยดอกเบี้ยกู้เงิน พร้อมประสานขอเข้าพบนายกฯ อดีนายกสมาคมโรงสี รับที่ผ่านมาขาดเอกภาพจึงมารวมกัน สร้างความเป็นธรรม เข้มแข็ง เพื่อคุณภาพชีวิตชาวนาดีขึ้น รมช.เกษตรฯ แจงได้รับความร่วมมืองดสูบน้ำดี ยันภาพรวมไม่น่าห่วง
วันนี้ (16 ก.ค.) นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) การเกษตร สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงข่าวถึงแนวคิดในการจัดตั้งสมาพันธ์ข้าวและชาวนาแห่งประเทศไทย โดยมีการเชิญสมาคมชาวนาระดับประเทศจำนวน 9 องค์กรเข้ามาร่วมประชุมนั้นเป็นไปตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อต้องการความเป็นเอกภาพขององค์กรชาวนา โดยได้มีมติตั้ง “สมาพันธ์ข้าวและชาวนาแห่งประเทศไทย” และให้รัฐสนับสนุนอาชีพเสริม เพราะปัจจุบันพื้นที่ปลูกข่าวลดลงเพราะภัยแล้งและอาจเพิ่มขึ้นทุกปี เพราะสภาพดินฟ้าอากาศ ซึ่งตามปกติพื้นที่ทำนามีถึง 69.96 ล้านไร่แต่ไม่สามารถทำนาได้เพราะขาดแคลนน้ำ ดังนั้นจึงขอให้ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุนอาชีพเสริม โดยให้ชาวนาแบ่งที่นาดอน 2 ไร่ เพื่อปลูกหญ้าเนเปีย 1 ไร่ 2 งาน ส่วนอีก 2 งาน ใช้ทำคอกเพื่อเลี้ยงแม่วัว 6 ตัว โดยการกู้ยืมเงินภายใต้เงื่อนไขของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ซึ่งมี FTA จ่ายดอกเบี้ยให้ ใน 3 ปีแรกไม่ต้องส่งต้น และส่งในปีที่ 4 ถึงปีที่ 7 ในอัตราปีละร้อยละ 25 เกษตรกรชาวนาจะมีรายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองด้วย และมีความมั่นคงในอาชีพชาวนาโดยการเลี้ยงวัวเป็นอาชีพเสริมส่วนการทำนานนั้นทำตามปกติ โดยมีการประสานกับนายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อรับนโยบายช่วยกันแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับชาวนาในช่วงภาวะภัยแล้ง และวางแนวแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
ทั้งนี้ จากข้อมูล คาดว่าในปี 2558-2559 ประเทศไทยจะมีพื้นที่ปลูกข้าวลดเหลือเพียงแค่ 56.69 ล้านไร่ สามารถให้ผลผลิตได้เพียง 24.14 ล้านตัน เมื่อเทียบกับจำนวนชาวนาทั้งประเทศที่มีจำนวน 14.8 ล้านคน
ขณะที่นายนิพนธ์ วงศ์ตระหง่าน อดีตนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาสมาชิกชาวนาจะมีปัญหาไม่เหมือนกัน เช่นภาคกลางนาข้าวมากจะเรียกร้องราคาข้าวให้สูงขึ้น แต่ชาวนาทางอีสานส่วนมากจะเป็นเจ้าของนา ความรู้สึกของฝ่ายการเมืองหรือข้าราชการจะมองว่าชาวนาพูดไม่เป็นเอกภาพ ดังนั้นเราจึงมารวมตัวกัน โดยตนได้คิดปรัชญาการรวมตัวว่า เราจะสร้างความเป็นธรรม ความเข้มแข็ง เพื่อคุณภาพชีวิตชาวนาที่ดีขึ้น และพึ่งตนเองให้มากที่สุด ทุกเรื่องที่สหพันธ์จะพูด จะต้องมีข้อมูลที่ถูกต้องมีเหตุผลและมีความเป็นไปได้ของการเรียกร้องและข้อเสนอ โดยมองมิติทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และในอนาคตจากประสบการณ์อยู่ในวงการข้าว ข้าวไทยต้องรวมกัน เริ่มจากการรวมชาวนาให้เข้มแข็ง จากนั้นรวมโรงสีและผู้ส่งออกเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้วงการข้าวไทยต่อไป
ด้านนายอำนวยกล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ปัญหาภัยแล้งว่า หลังจากที่นายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือ เกษตรกรงดสูบน้ำ ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี การแจกจ่ายน้ำเป็นไปตามปกติ ส่วนการเยียวยาเกษตรกรในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง ในขณะนี้อาจยังไม่มีความชัดเจนในจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ แต่ชัดเจนในเรื่องมาตรการ เช่นการพักหนี้เกษตรกร โดยให้ ธ.ก.ส.ช่วยดำเนินการเรื่องเงินหมุนเวียนลงทุน ระหว่างที่กำลังสำรวจชาวนาที่ได้รับผลกระทบ
“ยืนยันว่าสถานการณ์ในภาพรวมไม่น่าเป็นห่วงในทุกจังหวัด แต่จะประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน และการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งนั้น เป็นคำสั่งของนายกรัฐมนตรีที่ให้กระทรวง กรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารและส่วนต่างๆ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” นายอำนวยกล่าว