นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการธุรกิจสื่อไอทีและดิจิตอล บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) หรือ ARIP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากที่ขาดทุนสุทธิ 13.75 ล้านบาทในปีก่อน หลังในไตรมาสแรก สามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 0.56 ล้านบาท ขณะที่คาดรายได้ปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นราว 400 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 276.69 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจาก 3 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็นธุรกิจการจัดนิทรรศการ (Commart) ราว 40% และธุรกิจการจัดนิทรรศการ (ภาครัฐ) 40% และส่วนที่เหลือเป็นธุรกิจมีเดีย หรือธุรกิจนิตยสารและทีวี มีสัดส่วนรายได้ 20%
ทั้งนี้ ธุรกิจการจัดนิทรรศการในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าภาครัฐเป็นหลัก โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีงานภาครัฐราว 10 งาน มูลค่ารวม 100 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าภาคเอกชนจะเป็นการจัดงานสัมมนามากกว่า โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญของช่องทางทำการตลาด โดยเฉพาะการใช้สื่อทางออนไลน์
ส่วนธุรกิจมีเดีย หรือนิตยสาร ทีวี ปัจจุบัน บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจนิตยสารจำนวน 3 แบรนด์อยู่ แต่ช่องรายการทีวีได้ลดจำนวนช่องลงเหลือเพียง 1 ช่องเท่านั้น คือ รายการ Cyber city ที่มีการถ่ายทอดทางช่อง 5
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีปีนี้ มองว่า เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากมีจำนวนการออกบูทเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับจะมีการเปิดตัว Windows 10 ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ และการเข้ามาของตลาดเกมส์ ที่มีความทันสมัยตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงการปล่อย CPU ใหม่ ของ Intel โดยปัจจัยดังกล่าวก็น่าจะส่งผลทำให้เป็นแรงกระตุ้นตลาดสินค้าไอทีให้ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าอุตสาหกรรมไอทีปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 2% จากปีก่อนที่เติบโต 0.5%
อย่างไรก็ตาม จากอุตสาหกรรมไอทีที่ดีขึ้นก็คาดว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกได้
นายพรชัย กล่าวว่า การจัดงานคอมมาร์ต เน็กเจน 2015 ภายใต้คอนเซปต์ “มางานคอมาร์ต ชีวิตมาร์ท สนุก” โดยจะจัดขึ้นในวันนี้ไปจนถึง 21 มิ.ย.58 บริษัทคาดหวังเงินสะพัดจากงานนี้ประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 1 ล้านคน รวมทั้ง 4 วัน จากเดิมที่มี 7-8 แสนคน โดยสินค้าหลักภายในงานจะยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างโน้ตบุ๊ก ซึ่งจะแบ่งเป็นโน๊ตบุ๊กทั่วไป และโน๊ตบุ๊กที่รองรับในเรื่องของเกมส์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ จุดเด่นภายในงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องของเกมส์ ที่จะจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และชอบเล่นเกมส์ โดยมองตลาดเกมส์ในปีนี้เริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง จากการพัฒนาตลาดไอทีของไทย ไม่ว่าจะเป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความไวขึ้น ที่เข้ามาซัปพอร์ตตลาด ทำให้ตลาดเกมส์ หรือ e-sport เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมตลาดเกมส์ออนไลน์จะเติบโตประมาณ 10-20% ทุกปี
ทั้งนี้ ธุรกิจการจัดนิทรรศการในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าภาครัฐเป็นหลัก โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีงานภาครัฐราว 10 งาน มูลค่ารวม 100 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มลูกค้าภาคเอกชนจะเป็นการจัดงานสัมมนามากกว่า โดยบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่เริ่มให้ความสำคัญของช่องทางทำการตลาด โดยเฉพาะการใช้สื่อทางออนไลน์
ส่วนธุรกิจมีเดีย หรือนิตยสาร ทีวี ปัจจุบัน บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจนิตยสารจำนวน 3 แบรนด์อยู่ แต่ช่องรายการทีวีได้ลดจำนวนช่องลงเหลือเพียง 1 ช่องเท่านั้น คือ รายการ Cyber city ที่มีการถ่ายทอดทางช่อง 5
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมไอทีปีนี้ มองว่า เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งจะเห็นได้จากมีจำนวนการออกบูทเพิ่มมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับจะมีการเปิดตัว Windows 10 ในช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ และการเข้ามาของตลาดเกมส์ ที่มีความทันสมัยตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากขึ้น รวมถึงการปล่อย CPU ใหม่ ของ Intel โดยปัจจัยดังกล่าวก็น่าจะส่งผลทำให้เป็นแรงกระตุ้นตลาดสินค้าไอทีให้ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าอุตสาหกรรมไอทีปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 2% จากปีก่อนที่เติบโต 0.5%
อย่างไรก็ตาม จากอุตสาหกรรมไอทีที่ดีขึ้นก็คาดว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกได้
นายพรชัย กล่าวว่า การจัดงานคอมมาร์ต เน็กเจน 2015 ภายใต้คอนเซปต์ “มางานคอมาร์ต ชีวิตมาร์ท สนุก” โดยจะจัดขึ้นในวันนี้ไปจนถึง 21 มิ.ย.58 บริษัทคาดหวังเงินสะพัดจากงานนี้ประมาณ 2,700 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับครั้งที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 1 ล้านคน รวมทั้ง 4 วัน จากเดิมที่มี 7-8 แสนคน โดยสินค้าหลักภายในงานจะยังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมอย่างโน้ตบุ๊ก ซึ่งจะแบ่งเป็นโน๊ตบุ๊กทั่วไป และโน๊ตบุ๊กที่รองรับในเรื่องของเกมส์โดยเฉพาะ
นอกจากนี้ จุดเด่นภายในงานครั้งนี้จะเป็นเรื่องของเกมส์ ที่จะจับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อ และชอบเล่นเกมส์ โดยมองตลาดเกมส์ในปีนี้เริ่มกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง จากการพัฒนาตลาดไอทีของไทย ไม่ว่าจะเป็นระบบอินเทอร์เน็ตที่มีความไวขึ้น ที่เข้ามาซัปพอร์ตตลาด ทำให้ตลาดเกมส์ หรือ e-sport เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมตลาดเกมส์ออนไลน์จะเติบโตประมาณ 10-20% ทุกปี