แบงก์กรุงเทพ เปิดสาขากัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ เชื่อมโยงเครือข่าย CLMV ครบ ระบุช่วงแรกเน้นหนุนผู้ประกอบการไทยเข้าลงทุนในกัมพูชา แนะผู้ประกอบการเร่งพัฒนาด้านการตลาดขยายช่องทางสู่ตลาดใหม่
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้จัดพิธีฉลองการเปิดสาขากัมพูชา ณ กรุงพนมเปญ นับเป็นสาขาแห่งที่ 29 ของธนาคาร หลังจากที่ธนาคารกลางของประเทศกัมพูชา ได้อนุญาตให้เปิดสาขาได้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2557 โดยสามารถให้บริการได้ครอบคลุมทั้งในส่วนของธุรกรรมเงินฝาก สินเชื่อ และธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศ โดยมี น.ส.เยี่ยมศรี อุบลพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการสาขา
ทั้งนี้ ในช่วงแรกธนาคารจะเน้นให้บริการในส่วนของลูกค้าไทยที่จะเข้ามาทำธุรกิจที่กัมพูชาก่อนจากฐานลูกค้าเดิมที่ธนาคารมีอยู่แล้ว แล้วจะค่อยๆ ขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าท้องถิ่น และลูกค้าจากประเทศอื่นที่สนใจเข้ามาทำธุรกิจที่กัมพูชา โดยใช้ระยะเวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและขยายธุรกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วง 3 ปีแรก จึงจะขยายฐานต่อไปได้อย่างเต็มที่
“เรามองเห็นถึงศักยภาพของทั้งประเทศกัมพูชาที่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีช่องทางในการขยายธุรกิจเพิ่มอีกมาก โดยเฉพาะธุรกิจด้านอุปโภคบริโภค และภาคก่อสร้าง ขณะที่ลูกค้าของธนาคารเองก็มีศักยภาพในการขยายธุรกิจไปสู่กัมพูชาเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของรายกลาง และรายย่อยที่มีศักยภาพ แต่อาจจะยังขาดโอกาสที่จะขยายตลาดไป ธนาคารก็จะเข้าไปเสริมในส่วนนี้ได้ ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่เปิดให้บริการมาก็พบว่า เริ่มมีปริมาณธุรกรรมเข้ามาแล้วในทุกๆ ด้าน โดยปัจจุบันธนาคารมีสัดส่วนธุรกรรมต่างประเทศคิดเป็น 17% ของยอดธุรกรรมรวม”
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ปัจจุบัน ธนาคารกรุงเทพมีสาขาครอบคลุมทุกประเทศในกลุ่ม CLMV แล้ว จึงมีความพร้อมในการให้บริการแก่ลูกค้าในกลุ่มนี้ที่นับวันจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเต็มที่ ทั้งในส่วนของการค้า และการขยายการลงทุน
นายโฆสิต กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสนใจต่อกลุ่ม CLMV มากขึ้น เพราะเรามีความจำเป็นที่จะต้องขยายออกไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตที่น้อยลง ขณะที่กลุ่ม CLMV ยังมีอัตราการเติบโตที่ดี และมีความคุ้นเคยทางด้านวัฒนธรรมกันดีอยู่แล้ว ดังนั้น จึงเป็นช่องทางที่ดีของผู้ประกอบการไทยจะขยายออกไปสู่ต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการควรมีการพัฒนาการทางด้านการตลาดมากขึ้นเพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ ส่วนด้านศักยภาพในการผลิตนั้น ดูแล้วเรายังพอมีความสามารถในการแข่งขันได้อยู่
“ตลาด CLMV นั้นที่เปิดกว้างขึ้นนั้นเป็นทั้งโอกาสของผู้ประกอบการ และเป็นสิ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการควรหันมาพัฒนาศักยภาพทางด้านการตลาดของตัวเองด้วย โดยในส่วนของรายกลาง และรายย่อยที่ยังขาดตรงนี้อยู่มาก”
สำหรับเศรษฐกิจไทยปีนี้คาดการณ์ว่า จะเติบโตได้ประมาณ 3% ซึ่งก็คงต้องหวังพึ่งพาในส่วนของภาครัฐที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น เนื่องจากภาคการส่งอออกคงจะไม่ดีนัก และธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อในปีนี้ไว้ที่ระดับ 3-5% เช่นเดิม